ปัจจุบันนี้หากนักลงทุนต้องการให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ตามเป้าหมายในระยะยาว แนวทางหนึ่งที่นักลงทุนควรใส่ใจคือ การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน ทั้งในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ และสินทรัพย์ทางเลือก เช่น REITs หรือทองคำ เป็นต้น เพื่อลดการกระจุกตัวและเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดต่อสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งในระยะยาว
นอกจากนี้ธีมการเลือกลงทุนกับกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ ซึ่งมีบริษัทฯระดับโลกรวมถึงเป็นผู้นำในตลาดในหลายอุตสาหกรรม หรือแม้แต่อย่างจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่มุ่งสู่ผู้นำของโลก รัฐบาลพร้อมผลักดันประเทศเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจเกิดใหม่ New Economy ภายในปี 2030 ก็ยังน่าสนใจ
ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลงทุนเป็นพอร์ตได้จากการซื้อกองทุนผสมเพียงกองทุนเดียว โดยไม่จำเป็นต้องเลือกกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุนเอง รวมถึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาปรับพอร์ตการลงทุนด้วยตนเองด้วยอย่างเช่น
1.กองทุนเปิด ทิสโก้ เฟล็กซิเบิ้ล พลัส (TISCOFLEXP) กลยุทธ์การลงทุน เป็นกองทุนผสมเน้นลงทุนหลักทรัพย์ในประเทศ หุ้น ตราสารหนี้หรือเงินฝากตราสารหนี้กึ่งทุน ซึ่งหุ้นจะเน้นหุ้นที่มีศักยภาพและเติบโตสูง ผลตอบแทน YTD 42.29% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 41.03%
2.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี-บีทีอินคัมโกรทฟันด์ (MBT-G) กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ ตราสารหนี้กึ่งทุน เน้นลงทุนในหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงมีราคาของหลักทรัพย์ต่ำเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน และลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 ตัว ผลตอบแทน YTD 39.66% และผลตอบแทนย้อนหลัง 1ปี 47.08%
3.กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเฟล็กซิเบิลฟันด์ (MFX)กลยุทธ์การลงทุนกระจายความเสี่ยงหลายหลักทรัพย์ในประเทศ และปรับสัดส่วนการลงทุนตามความเหมาะสมกับภาวการณ์โดยมุ่งหวังผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมาย ผลตอบแทน YTD 37.52% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 44.79%
นอกจากนี้ช่วงปลายการลงทุนเพื่อหวังผลประโยชน์ทางภาษีก็ยังมีแนะนำทั้ง RMF SSF คือ กองทุนเปิดเค พอสซิทีฟ เชนจ์ หุ้นทุน (K-CHANGE-SSF, KCHANGERMF) ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสูง ผลตอบแทน YTD 9.03%ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 10.61%
กองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHAINA-SSF, KCNAINARMF) ลงทุนในหุ้นจีนทุกชนิด(ALL CHINA) ที่เติบโตสูง เน้นกลุ่ม New Economy , Lifestyle ของคนจีน
และกองทุนเปิดเค ยูเอสเอ หุ้นทุน (K-USA-SSF, KUSARMF) ลงทุนในหุ้นชั้นนำของสหรัฐหรือบริษัทที่มีรายได้มากกว่า 50 %มาจากประเทศสหรัฐฯโดยตรงคัดเลือกหุ้น 30-45 หุ้นที่มีกระแสนเงินสดที่ดีและมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ซึ่งการให้ผู้จัดการกองทุนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญกว่าช่วยตัดสินใจลงทุนและยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วยนั้นก็ถือว่านักลงทุนจะได้ประโยชน์ถึง 2 เด้งทีเดียว ประกอบกับในสถานการณ์การลงทุนที่ผันผวนและยังต้องต่อสู้กับโรบอทเทรดด้วย รวมถึงเครื่องมือการลงทุนแบบ AI ด้วยการลงทุนผ่านกองทุนน่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีอีกทางเลือกหนึ่งของนักลงทุนก็เป็นได้
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp
