SMD โดย บล.โกลเบล็ก ได้ปรับประมาณการรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิม 10% และ 11% ตามลำดับ หลังยังได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากการขายชุดตรวจ COVID-19 ในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตามได้ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรข้ันต้นจาก 42.5% สู่ระดับ 41.1% เนื่องจากอัตรากำไรข้ันต้นของชุดตรวจ COVID-19 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย โดยคาดว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นสามารถชดเชยกำไรสุทธิที่ปรับตัวลงได้ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการรายได้ และกำไรปี64 จาก 1,454 ลบ. และ 308 ลบ. สู่ 1,600 ลบ. และ 341ลบ. เติบโต 10% และ 11% ตามลำดับ
ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จาก 1.09 พันลบ. สู่ 1.44 พันลบ. เพิ่มขึ้น 32%YoY โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อในสินค้ากลุ่มเวชบำบัดวิกฤต และกลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ จากภาครัฐที่ต่อเนื่อง และมีรายได้จากการจำหน่ายชุดตรวจ COVID-19 ผ่าน 7-11 เต็มปี บวกกับได้แรงหนุนจากกระทรวงมหาดไทยกำหนดให้อาคารสูงกว่า 8 ชั้น ต้องมีเครื่องกระตุกหัวใจอัดโนมัต(AED)
ฝ่ายวิจัยได้คงสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 41% เนื่องจากการบริหารต้นทุนสินค้าของบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับเพิ่มประมาณการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจาก 193ลบ. เป็น 218 ลบ. เพราะคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาด Smart Hospital ทั้งนี้จึงปรับประมาณการกำไรปี 65 เพิ่มขึ้น 49% จาก 195 ลบ. สู่ 290 ลบ. แต่หดตัว 15% จากปี 64 ที่เป็นฐานสูง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมเพิ่มราคาเหมาะสมปี 65 เป็น 20.80 บาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp