มิติหุ้น – นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 8 ปี โดยมีความเชี่ยวชาญการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่มุ่งเน้นจับตลาดเฉพาะกลุ่ม (นิชมาร์เก็ต) และมุ่งสร้างความแตกต่างในการพัฒนาที่อยู่อาศัยภายใต้แนวคิด “Asset For Infinite Valuable Experiences” หรือทรัพย์สินที่สร้างประสบการณ์ที่มีมูลค่าไม่สิ้นสุด และสามารถตอบสนอง 5 Values of Life ซึ่งถือเป็น DNA ในการพัฒนาโครงการของ A5 ได้แก่ (1) ASSET ต้องเป็น Good Asset ของลูกค้า ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต สะท้อนมาจากการเลือกทำเลที่มีศักยภาพต่อการพัฒนา และมีการเติบโตเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต (2) LEGACY ต้องพัฒนาโครงการให้มีคุณค่า ผสมการดีไซน์ที่สวยงามเหนือกาลเวลาเสมือนของสะสมที่มีคุณค่าและสามารถส่งต่อเป็นมรดกจากรุ่นสู่รุ่นได้ (3) FREEDOM ต้องเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์อิสระในการใช้ชีวิตและเปิดกว้างรองรับจินตนาการของผู้อยู่อาศัย จากการพัฒนาตัวบ้านให้พื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอและปรับให้ตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้ (4) FAMILY เพราะสังคมที่ดีเริ่มต้นที่บ้าน การพัฒนาโครงการจึงเน้นความปลอดภัย รวมถึงการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อการสร้างความทรงจำที่มีความหมายของครอบครัว (5) ASPIRATION บ้านคือสถานที่ใช้ชีวิตมากที่สุด จึงต้องเป็นสถานที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตหรือความสร้างสรรค์ในการทำงานได้ ซึ่งสามารถสะท้อนไปสู่ความสำเร็จของผู้อยู่อาศัย
“แม้ว่าส่วนตัวเติบโตมาในครอบครัวปัญจทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกโครงการอสังหาริมทรัพย์ยุคแรกๆ ในประเทศไทย และได้ซึมซับการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากครอบครัว อย่างไรก็ตาม A5 มีแนวคิดพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่แตกต่าง โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยในทำเลที่จะพัฒนาโครงการอย่างลึกซึ้ง เพื่อนำมาพัฒนาโปรดักต์ที่แตกต่าง ภายใต้กลยุทธ์มุ่งเจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม และมีวิชั่นที่จะยกระดับ A5 เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของตลาดอสังหาฯ นิชมาร์เก็ตในอนาคต หากนึกถึงโครงการที่โดดเด่น คุ้มค่า สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานต่อไป อยากให้นึกถึง A5” นายศุภโชค กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทฯ พัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียมแล้วรวมทั้งสิ้น 7 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ได้แก่ 1) โครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท 2) โครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม มูลค่าโครงการกว่า 2,800 ล้านบาท 3) คอนโดมิเนียมไวโอ แคราย 1 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่าโครงการกว่า 300 ล้านบาท 4) โครงการคอนโดมิเนียมไวโอ แคราย 2 ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง มูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท 5) โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง อุดรธานี มูลค่าโครงการกว่า 250 ล้านบาท 6) โครงการบ้านรชยา บ้านช้าง 2 อุดรธานี มูลค่าโครงการกว่า 400 ล้านบาท 7) โครงการบ้านรชยา วงแหวน – นาดี อุดรธานี มูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท
โครงการที่มุ่งจับนิชมาร์เก็ตและถือเป็นมาสเตอร์พีซคือ โครงการ “วนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์” ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น โครงการแรกๆ ที่เปิดตัวในย่านถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ถึง 3 เจเนอเรชั่น โดดเด่นในเรื่องของการให้ Space พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า และ Function การใช้งานในบ้านที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในปัจจุบันที่เป็นยุค Work From Home (WFH) ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดขายบ้านเฟสสุดท้าย (Private Zone) เป็นบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ขนาด 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 492 ตารางเมตร จอดรถ 4 คัน ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 35 – 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบบบ้านหลังใหญ่ที่สุดในโครงการ คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2565
ส่วนอีกโครงการคือ “ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์” เป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ สูง 29 ชั้น จำนวน 80 ยูนิต แบบ 1 – 2 ห้องนอน และเพนต์เฮาส์ พื้นที่ใช้สอย 57 – 387.5 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบ อาทิ สระว่ายน้ำลอยฟ้า ลิฟต์ส่วนตัว ระบบจอดรถอัตโนมัติ ฯลฯ ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 21 – 40 ล้านบาท ไปจนถึงห้องแบบพิเศษ Penthouse ระดับ 150 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในต้นปี 2566
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ 1,000 ล้านบาท โดยยอดรับรู้รายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากการขายและโอนบ้านพร้อมอยู่เฟสสุดท้ายในโครงการวนา เรสซิเดนซ์ พระราม 9 – ศรีนครินทร์ และวางแผนเปิดตัวบ้านหรูเพิ่มขึ้นอีก 1 โครงการในช่วงปลายปีนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ขณะที่ปี 2566 คาดว่าจะเป็นปีที่บริษัทฯ มียอดรับรู้รายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการคอนโดฯ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์
ล่าสุด บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้สามารถซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “A5” คาดว่าจะเริ่มซื้อขายหุ้นได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 นี้เป็นต้นไป โดยพร้อมนำบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นบริษัทฯ อสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่เป็นผู้นำในตลาดนิชมาร์เก็ตตามวิชั่นที่วางไว้
ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้
https://lin.ee/cXAf0Dp