NTT DATA ร่วมลงทุนในกองทุนสตาร์ทอัพ “ฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ 1

32

มิติหุ้น  –  นายฮิโรนาริ โทมิโอกะ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็นทีที เดต้า (ประเทศไทย)ในฐานะคู่ค้าเชิงกลยุทธ์กับธนาคารกรุงศรีอยุธยามาเป็นระยะเวลานาน ล่าสุดบริษัทได้ตัดสินใจร่วมลงทุนใน “ฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ 1” กองทุนสตาร์ทอัพมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยมีกรุงศรี ฟินโนเวต บริษัทร่วมลงทุนในเครือกรุงศรี กรุ๊ป เป็นผู้ดูแลและบริหารกองทุน กองทุนนี้เน้นการลงทุนเชิงกลยุทธ์แบบครบวงจรเพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพใน 3 กลุ่ม ได้แก่ สตาร์ทอัพในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) อุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)  และอุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เติบโตสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้กลายเป็นยูนิคอร์นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมสร้างระบบนิเวศของสตาร์ทอัพอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ กรุงศรี ฟินโนเวต ยังมีพันธมิตรที่สำคัญอย่าง เอ็มยูเอฟจี อินโนเวชัน พาร์ทเนอร์ (MUFG Innovation Partners Co., Ltd.: MUIP) บริษัทร่วมลงทุนในเครือ MUFG สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกที่มีเครือข่ายแข็งแกร่ง ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการคัดสรรและลงทุนในสตาร์ทอัพ โดยทางเอ็นทีที เดต้า เป็นพาร์เนอร์ที่ช่วยพัฒนากลยุทธ์ทางด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีไอทีให้กับ เอ็มยูเอฟจี ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งเชื่อว่าการขยายความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถสร้างความสำเร็จและการเติบโตที่แข็งแกร่งให้กับกองทุน

“การลงทุนครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในธุรกิจใหม่ในการสร้างความร่วมมือและพันธมิตรทางธุรกิจกับสตาร์ทอัพที่อยู่ภายใต้กองทุน เพื่อบูรณาการนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากสตาร์ทอัพชั้นนำในภูมิภาคมาต่อยอดทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้า สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ โดย เอ็นทีที เดต้า พร้อมสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพที่ต้องการความร่วมมือ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีให้กับลูกค้าของเราต่อไป ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของ เอ็นทีที เดต้า คือ กลุ่มธุรกิจสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้วยการพลิกโฉมหน้าธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ธุรกิจการเงินกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่โลกการเงินไร้ศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว เชื่อมโยงเข้าหากันอย่างไร้พรมแดนเพื่อแข่งขันกันตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ และสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวกและรวดเร็วกับผู้คนทั่วโลก ในขณะเดียวกันธุรกิจยานยนต์ถูกท้าทายให้เร่งปรับตัวเข้าสู่ยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์อัจฉริยะ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ Net zero โดยเร็ว ไปพร้อมกับการแก้ไขวิกฤตพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก การเข้าไปร่วมลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นตัวเชื่อมที่จะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ไปช่วยต่อยอดเสริมความแข็งแกร่งให้กับลูกค้าทั้งสองกลุ่ม” นายฮิโรนาริ กล่าว

 

นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า “กองทุนฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ 1 ได้รับความไว้วางใจและการตอบรับที่ดีจากองค์กรชั้นนำในหลากหลายธุรกิจ และ เอ็นทีที เดต้า เป็นผู้ลงทุนรายล่าสุดที่ตัดสินใจร่วมลงในกองทุนดังกล่าว ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่บริษัทที่ปรึกษาและผู้ให้บริการทางด้านไอทีและเทคโนโลยีชั้นนำของโลก เข้าร่วมสนับสนุนสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการสร้างโอกาสเติบโตให้กับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ในขณะเดียวกันก็สร้างผลตอบแทนและการเติบโตทางธุรกิจให้กับนักลงทุนในระยะยาวอีกด้วย กรุงศรี ฟินโนเวต ในฐานะผู้บริหารกองทุนเชื่อมั่นว่า การลงทุนครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ของสตาร์ทอัพเหล่านั้นไปต่อยอดธุรกิจระดับโลก และที่สำคัญยังเป็นโอกาสในการประสานความร่วมมือกันในอนาคตระหว่างผู้ลงทุน เราอาจจะได้เห็นความร่วมมือในการสร้างสรรนวัตกรรมใหม่ๆร่วมกัน ก่อนหน้านี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และ บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) (SO) เป็น 3 องค์กรแรกที่ร่วมลงทุนในกองทุนฟินโนเวนเจอร์ ไพรเวท อิควิตี้ ทรัสต์ 1 และ เอ็นทีที เดต้า นับเป็นผู้ลงทุนรายที่ 4 ที่ตัดสินใจร่วมลงทุนในกองทุนดังกล่าว”

นายฮิโรนาริ กล่าวทิ้งท้าย “จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งทำหน้าที่คัดเลือกและลงทุนในสตาร์ทอัพมาแล้วกว่า 15 บริษัทในช่วง 3-4 ปี สะท้อนความมีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ของผู้บริหารและทีมงานกรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งเข้าใจในอีโคซิสเต็มส์ของสตาร์ทอัพอย่างลึกซึ้งและพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนสตาร์ทอัพ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ เอ็นทีที เดต้า ในการที่จะมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมร่วมกับกลุ่มสตาร์ทอัพ ดังนั้นเราเชื่อมั่นว่าการลงทุนครั้งนี้จะพัฒนานวัตกรรมและส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ และสอดคล้องกับสถานการณ์ของสังคมและการแข่งขัน ที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp