JMT โดย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เบื้องต้นประเมินกำไร Q1/65 ของ JMT ไว้ที่ราว 430 ลบ. -10% (QoQ) +52% (YoY) คิดเป็น % ของประมาณการกำไรปี 2565 เป็นจุดต่ำสุดของปีก่อนจะขยายตัวตามพอร์ตหนี้ฯ เก่า-ใหม่
JV x KBANK จะสร้าง Upgrade momentum รอบใหม่
จากข้อมูลงบการเงิน ณ สิ้นปีที่ผ่านมา KBANK มี NPL คิดเป็นมูลหนี้ราว 1 แสนลบ. โดยยังไม่รวมหนี้ที่ถูกกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SML หรือ Stage 1-2) ที่อาจไหลมาเป็น NPL อีกเกือบเท่าตัวตามที่ S&P Ratings ประเมิน การเร่งโอนหนี้เสียเข้า JV จะเป็นรูปแบบที่ win-win ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน Q2/65 และรับรู้กำไรใน Q3/65 ที่พร้อมจะทำ All time high โดยประเมินทุกเงินลงทุนใน JV 10,000 ลบ. จะสร้าง Upside risk ต่อกำไรตามสัดส่วน (50%) ราว 225 ลบ./ปี หรือ +7% บนฐานกำไรปี 2566 (+6.43 บ./หุ้น อิง P/E 40x) ทั้งนี้หากโมเดลข้างต้นสำเร็จจะเป็นตัวอย่างให้กับธนาคารพาณิชย์อื่นในช่วงครึ่งปีหลังปี 65 ที่อยู่นอกเหนือประมาณการของฝ่ายวิจัย
ทั้งนี้จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” บนราคาเหมาะสม 103 บาท โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2565-66 เท่ากับ 2,324/3,465 ลบ. +66/49% (YoY) ตอกย้ำภาพของหุ้นที่อยู่ Growth stage ยังคงชัดเจน แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาอยู่บน P/E’65 40x ณ ระดับ +2SD ทว่าเมื่อรวม Upside risk จาก JV ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อกำไรที่จะเพิ่มขึ้นใน 12-18 เดือนข้างหน้า รวมถึงความสม่ำเสมอบนกระแสเงินสดจากฐานลูกหนี้ที่ทนทานต่อปัจจัยลบภายนอกได้ทำให้ราคาจะสามารถยืนสูงได้ต่อ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp