มิติหุ้น- บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) หรือ SIS โดย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า จากบทบาทเทคโนโลยีที่ยังสำคัญต่อเนื่องคาดเป็นแรงหนุนต่อผลดำเนินงาน SIS สดใส เนื่องด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีมากขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ทางฝ่ายมีมุมมองบวกต่อผลดำเนินงาน SIS ที่คาดยังได้อานิสงส์ต่อเนื่องจากการเป็นผู้ค้าส่งสินค้าไอทีรายใหญ่ประกอบกับความหลากหลายของสินค้าที่มีมากมายทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งซอฟท์แวร์ที่คาดจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่เป็น recurring income ให้กับ SIS มากขึ้น ท่ามกลางรูปแบบการให้บริการส่วนใหญ่ที่จะเน้นเป็นการให้บริการแบบ Subscription
โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการให้บริการธุรกิจรูปแบบนี้แล้วในกลุ่มของ Cloud และ Cybersecurity ซึ่งสอดรับกับมุมมองของบริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำของโลกอย่าง การ์ทเนอร์ อิงค์ ที่ได้ออกมาคาดการณ์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทพบว่า เกือบทุกบริษัทเริ่มให้ความสำคัญถึงความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์มากขึ้น หลังสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นและเชื่อมต่อเข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต (Internet of Thing; IoT) มีโอกาสถูกโจรกรรมได้ง่ายและทำให้จำเป็นต้องมีการพัฒนาและอัพเดทซอฟต์แวร์สม่ำเสมอ
ขณะที่ปัญหาการขาดแคลน Chipset แม้จะยังเป็นประเด็นกดดันปริมาณสินค้าที่ออกสู่ตลาดมีจำกัดหากแต่สถานการณ์ดังกล่าวปัจจุบันไม่รุนแรงเท่ากับปี ก่อน อีกทั้งยังส่งผลดีทางอ้อมต่อสินค้าบางรุ่นในแง่ของผู้ผลิตที่เลือกผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงกว่า โดยเริ่มเห็นแล้วในสินค้าไอทีประเภทโทรศัพท์ที่ SIS เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแบรนด์ Xiaomi ซึ่งได้รับความนิยมนั้น ปัจจุบันมีราคาขายเฉลี่ยต่อเครื่องอยู่ที่เครื่องละ 4,000 –7,000 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยอยู่ที่ 2,000 –3,000 บาทปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หลังมีส่วนต่างราคาหุ้นเพิ่มมากขึ้นด้วยแนวโน้มอุตสาหกรรมไอทีที่คาดยังสดใสและเป็นไปตามที่ทางฝ่ายประมาณการไปก่อนหน้า
เบื้องต้นทางฝ่ายจึงยังคงประมาณกำไรปี 65 ของ SIS ที่ 933 ล้านบาท เติบโต 17.7% y-y จาก i) รายได้การขายและการให้บริการที่เพิ่มขึ้น 15.3% y-y เป็น 37,241 ล้านบาท ii) GPM คาดเพิ่มขึ้นเป็น6.1% จากปี 64 ที่ 6.0% และ iii) SG&A/Sales คาดลดลงจาก 3.3% ในปี 64 เป็น 3.0% จากประสิทธิภาพในการบริหารงานและการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น พร้อมทั้งยังคงราคาพื้นฐานปี 65 ที่ 46.00 บาท อย่างไรก็ดีเนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันกลับมามีส่วนต่างจากราคาพื้นฐานปี65 ที่มากขึ้นทางฝ่ายจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ทยอยซื้อ”
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp