เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้า Retail-Led Mixed-Use Development ปั้นรีเทลโตต่อเนื่อง ทุ่มงบมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูไฮไลท์โปรเจ็ค พลิกโฉมย่านใหม่ที่ ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ ราชพฤกษ์ พร้อมปั้นเมืองเศรษฐกิจที่ ‘เซ็นทรัล จันทบุรี’ ยกระดับคุณภาพชีวิตทั่วประเทศ

100

มิติหุ้น – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก และผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ เดินหน้า “Retail-Led Mixed-Use Development” สร้างความเติบโตโดยมีธุรกิจศูนย์การค้าเป็นแกนหลัก ชูแผนธุรกิจรีเทล เติบโตต่อเนื่อง ทุ่มงบมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี สร้าง Center of Life ทุกแห่ง ผสานจุดแข็งทั้งการเป็น Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง พัฒนาย่าน-พัฒนาเมือง ให้กับทุกชุมชน, เป็นผู้นำแนวคิด Customer-Centric พัฒนามิกซ์ยูสแห่งการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงการเป็น Partner Champions ช่วยเหลือคู่ค้าแบบ End-to-End Solutions เติบโตเคียงข้างคู่ค้าอย่างยั่งยืน พร้อมชูไฮไลท์ ปั้นโครงการใหม่ ‘เซ็นทรัล เวสต์วิลล์’ พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ มูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท เตรียมเปิด Q4/2566 และ ‘เซ็นทรัล จันทบุรี’ มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท เตรียมเปิด 26 พ.ค. 65 นี้ สำหรับแผนในอนาคตอันใกล้นี้ เตรียมพัฒนาโครงการระดับโลกและโครงการใหม่เพิ่มเติมอีกปีละ 2-3 โครงการ, โครงการพลิกโฉม Major Renovation กว่า 10 โครงการ พร้อมปรับโฉมโครงการในสาขาต่างๆ ทุกสาขาอย่างต่อเนื่อง

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับทุกคน ด้วยบทบาทการเป็น Place Maker ผู้พัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต ที่ใส่ใจยกระดับคุณภาพชีวิต ไปพร้อมกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ได้เป็นผู้บุกเบิก Retail Landscape สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศและพัฒนาพื้นที่การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ พร้อมประสบความสำเร็จในการเป็น Center of Life มาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ต่อยอดสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า, โครงการที่อยู่อาศัย, โรงแรม และออฟฟิศ ให้เป็นพื้นที่และศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนในแต่ละส่วนได้อย่างแท้จริง”

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและโครงการของบริษัทฯ เผยว่า “เราวางแผนเดินหน้าขยายโปรเจ็คใหม่และยกระดับโปรเจ็คที่มีอยู่แล้ว โดยภายใน 2 ปีนี้ วางงบประมาณไว้มากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ชูกลยุทธ์ Imagining the future of retail ซึ่งผสานจุดแข็งของเราใน 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ 1) Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ผ่านการขยายโครงการ, 2) Customer-Centric สร้างคอมมูนิตี้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้า, และ 3) Partner Champions การเป็น Business Partner ให้คู่ค้าเติบโตไปด้วยกัน”

นายชนวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า “กลยุทธ์ที่ 1: Sustainable Ecosystem การขยายโครงการต่างๆ ในทุกย่าน ทุกเมือง ทุกโลเคชั่นที่เราเข้าไปร่วมกับคู่ค้า, ผู้ประกอบการท้องถิ่น และชุมชนให้ได้มาอยู่ใน Ecosystem ที่ยั่งยืนของเรา โดยเราได้ศึกษาศักยภาพของย่าน ของเมืองนั้นๆ, กำลังซื้อ และไลฟ์สไตล์ของผู้คน ทั้งเพื่อสร้างพื้นที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน รวมไปถึงสร้างความมั่นใจในการขยายธุรกิจให้กับคู่ค้าอีกด้วย นอกจากนี้ เรายังเป็น Dynamic Place Maker นำเทรนดใหม่ๆ มาพัฒนา Future Space คำนึงถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต นำโดยแนวคิด Experiential & Customer-Centric Design ผสมผสานพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ, ออกแบบพื้นที่ให้มีสัดส่วน Public Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการดึงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเข้ามา Integrate กับตัวโครงการ ในด้าน Art & Culture และการ Co-Create ร่วมกับ Local Heroes

เซ็นทรัลพัฒนาเตรียมสร้างปรากฏการณ์พลิกโฉมย่านราชพฤกษ์กับโปรเจ็คใหม่ “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (Central WestVille) มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท เจาะทำเลราชพฤกษ์เชื่อมตรงสู่ Bangkok CBD บนที่ดิน 40 ไร่ พื้นที่ GFA 93,000 ตร.ม. เตรียมเปิด Q4/2566 ปักหมุดย่านใหม่ด้วยการ Reinventing the Neighborhood ซึ่งจะเป็นการยกระดับฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ให้เป็นย่าน Upper-Class Lifestyle ชูจุดเด่น ได้แก่

  • The Evolution of Semi-Outdoor Retail Model จากเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ผสมผสานพื้นที่สีเขียวเป็น Green Park ของเมือง ด้วยแนวคิด Inside-Out ที่นำธรรมชาติจากด้านในสู่ด้านนอก ด้วยการออกแบบดีไซน์ Façade แนวใหม่ที่เปิดรับลมและแสงธรรมชาติ พักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศน้ำตก รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรมเอาท์ดอร์สำหรับครอบครัวและ Pet Friendly Space เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็น Eco-Friendly Mall
  • ตอบรับ Emerging Lifestyle ด้วย Urban & Outdoor Activities ที่ทำได้ตลอดทั้งวันแบบ Day-to-Night เช่น พื้นที่ให้ Jogging กับสัตว์เลี้ยง, Urban Farming, Organic Weekend Market, พื้นที่สำหรับครอบครัว, ชมงานอาร์ต, ไปจนถึงชิลเอาท์ในร้านคาเฟ่และร้านอาหารชิคๆ
  • Affluent & Quality Lifestyles เจาะกลุ่มเป้าหมายที่อยู่อาศัยในโครงการระดับ High-End และโครงการต่างๆ ในย่าน กว่า 115,000 ยูนิต ซึ่งมีหมู่บ้านระดับ 10-100 ล้านจำนวนมาก, จำนวนประชากร 415,000 คน ที่มีไลฟ์สไตล์ใกล้เคียงย่าน CBD และกำลังซื้อสูงเทียบเท่าย่านอีสต์วิลล์ ด้วยการ Synergy ผนึกกำลังธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ Central Department Store คอนเซ็ปต์ใหม่, Central Foodhall และ B2S ThinkSpace ร่วมโครงการด้วย

พร้อมบุกเบิกเมืองศักยภาพ เตรียมเปิด “เซ็นทรัล จันทบุรี” โครงการมิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก มูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ในวันที่ 26 พ.ค. 65 นี้ รองรับความเจริญต่อเนื่องจากเขตเศรษฐกิจ EEC ในอนาคต ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเมืองรอง โดยตัวโครงการมีความโดดเด่นด้วยโมเดล Semi-Outdoor ผสมผสานอัตลักษณ์ของจันทบุรี พร้อมจับมือกับท้องถิ่นดึง Local Heroes ร่วมสร้างเสน่ห์ท่องเที่ยวให้โดดเด่น เจาะกลุ่มเป้าหมายไลฟ์สไตล์ดีมีกำลังซื้อ ครอบคลุมประชากร 1.8 ล้านคนในจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียง สร้างพื้นที่การใช้ชีวิต New Urban Lifestyle Destination ของเมือง อาทิ พื้นที่สีเขียว 4 ไร่ที่เป็นปอดของเมือง, Family & Pet Friendly Space และ Sport Destination ครบวงจร 4,000 ตร.ม. เป็นต้น

ในด้านความสำเร็จของการขยายและปรับโฉมโครงการต่างๆ นายเลิศวิทย์ ภูมิพิทักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารทรัพย์สินของบริษัทฯ เผยว่า “ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จในการเปิดโครงการ ‘เซ็นทรัล ศรีราชา’ ที่เป็นต้นแบบ Eco-Friendly Mall ในภาคตะวันออก และพื้นที่รีเทลแบบ seamless space และ ‘เซ็นทรัล อยุธยา’ ที่เป็นสปอต์ไลท์ระดับโลก เติมเต็มการท่องเที่ยวอยุธยา โดยทั้งสองโครงการใหม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดี มีทราฟฟิกในช่วงเปิดตัวถึง 50,000 คนต่อวัน นอกจากนี้ เรายังไม่หยุดนิ่งในการสร้างสรรค์พื้นที่และประสบการณ์ใหม่ๆ ในโครงการที่มีอยู่แล้ว อาทิ ‘เซ็นทรัลเวิลด์’ ตอกย้ำความเป็นแลนด์มาร์กระดับโลกรองรับปรากฎการณ์ Global Phenomenon ต่างๆ พร้อมเตรียมเปิดโซนใหม่ คือ ‘Zone I’ (โซน ไอ) รองรับร้านค้า lifestyle brand ทั้ง local & international อีกมากมาย และ ‘โซนฮักไทย’ ชูจุดขายการตกแต่งในวิถีไทยร่วมสมัย สินค้าและอาหารไทยขึ้นชื่อ เพื่อดึงดูดทั้งลูกค้าชาวไทย ชาวต่างชาติในไทย และพร้อมรับกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงพื้นที่เพื่อชุมชนอย่าง ตลาดจริงใจที่จำหน่ายสินค้าจากเกษตรกรและชุมชนต่างๆ ทั่วไทย ด้าน ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย เปิดตัวเฟสสองมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 15% (ตัวเลขเฉลี่ยในเดือนมกราคมเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า) และ ‘เซ็นทรัล พระราม 2’ พลิกโฉมเป็น The Regional Mall of South Bangkok เจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ใหม่ Wealth Segment และมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนรีโนเวท”

นอกจากนี้ยังมีโครงการพลิกโฉมศูนย์การค้าต่างๆ อีกกว่า 10 โครงการ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล พระราม 2, รามอินทรา, พัทยาบีช, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, และ ขอนแก่น เป็นต้น

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของบริษัทฯ กล่าวว่า “สำหรับจุดแข็งที่สำคัญใน กลยุทธ์ที่ 2: Customer-Centric ที่ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเป็น Center of Life ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ เป็น Experience Curator คัดสรรอีเวนต์กว่า 1,000 งานต่อปี และการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ในศูนย์การค้า ได้แก่

  • จับ Emerging Lifestyles ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้าน Food, Fashion, Sport จับเทรนด์สร้างคอมมูนิตี้ Surf skate, Pet Friendly ที่แรกและประสบความสำเร็จมากที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ รวมไปถึง Co-Working Space ตอบโจทย์ Workplace ยุคใหม่ เป็นต้น
  • การทำ Co-Campaign ร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ Tinder, Huawei และการใช้ New Disruptive Platform ใช้เทคโนโลยี VR ดึงลูกค้าให้มี Experience บนพื้นที่โลกเสมือนแบบ Cross-Region
  • สร้าง Tourism Multiplier ด้วย Localized Events ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ อาทิ เซ็นทรัล พิษณุโลก จัดงาน ‘Phitsanulok Mango Fest 2022’, เซ็นทรัล อยุธยา จับมือกับ ททท. พาเที่ยวเมืองเก่ากับรถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนพิเศษ และ เซ็นทรัล เวสต์เกต จัดงาน Flower on the beach ประติมากรรมคลื่นดอกไม้ยักษ์ ใหญ่ที่สุดในโซนกรุงเทพฯ ตะวันตก
  • ผู้นำองค์กรยั่งยืน ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การติดตั้ง Recycle Station ที่เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, ติดตั้ง Solar Rooftop และ EV Charger ใช้ Innovation ดูแลด้านความสะอาดปลอดภัย และการใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากธรรมชาติในศูนย์การค้า เป็นต้น

ปิดท้ายด้วย นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายของบริษัทฯ เปิดเผยถึงจุดแข็งข้อสุดท้าย “กลยุทธ์ที่ 3: Partner Champions เราตั้งใจที่จะเป็น Business Partner ที่สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับธุรกิจของคู่ค้า ช่วยเหลืออย่างครบวงจรแบบ End-to-End Solutions ได้แก่ การช่วยเหลือการเติบโตและขยายสาขาด้วยโมเดล Co-investment, Funding, และ Franchise การช่วยเหลือด้าน Business Operation ต่างๆ, การใช้ Big Data จาก The 1 และ The 1 Biz, และ Retail Omnichannel เพื่อส่งเสริมและผลักดันธุรกิจของคู่ค้า, รวมไปถึงการจัดการ Transaction และบริการต่างๆ นอกจากนี้ เรายังเน้นย้ำถึงจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนา ที่พร้อมช่วยเหลือคู่ค้าให้ Scale up business ได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการได้เข้ามาอยู่ใน ecosystem ที่แข็งแกร่งของ Central Group, การที่ศูนย์การค้ามีการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Excellent Services & Facilities ในส่วนกลางที่พร้อมให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเสมอโดยร้านค้าไม่ต้องลงทุนเอง ไปจนถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ ทดลองและเจาะตลาดใหม่ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ”

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp