SAไฟเขียวจ่ายปันผล 0.049 บ./หุ้น พ่วงวอร์แรนท์ฟรี

62

มิติหุ้น  –  ผู้ถือหุ้นบมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ไฟเขียวรับมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 อัตรา 0.049 บาทต่อหุ้น พร้อมจัดสรรวอร์แรนท์ฟรี (SA-W1) สัดส่วน  100 หุ้น ต่อ 35 ใบสำคัญแสดงสิทธิ และมีมติเพิ่มทุนไม่เกิน 118 ล้านหุ้น จัดสรร PP ฟากซีอีโอ “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” เดินหน้าเปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่า 11,621.9  ลบ. โชว์แผนรุกขยายโครงการอสังหาฯแนวราบ  เน้นสร้าง Recurring Income จากกลยุทธ์หลัก “Asset Play” นำสินทรัพย์ที่มีพัฒนาธุรกิจใหม่ 6 สาขา  ดันผลงานเติบโตก้าวกระโดด หนุนรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 4,900 ล้านบาท

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด ‘Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต’ เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.049 บาท  รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 58.27 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 15 มีนาคม 2565 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เมษายน 2565 นี้

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ ได้มีมติอนุมัติออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่1 (SA-W1) จำนวนไม่เกิน 456,473,591 หน่วย เพื่อจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering) โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) ในอัตราส่วน 100 หุ้นสามัญ ต่อ 35 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่1 ซึ่งมีอายุ 3 ปี และมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 23 บาทต่อหุ้น

รวมทั้งได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 575,038,160 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 575,038,160 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท รุ่นที่ 1 (SA-W1) และรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 118,564,569 หุ้น เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement)

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 มั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอยู่ที่ 4,500 – 4,900 ล้านบาทจากปีก่อน โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับแผนกลยุทธ์ปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบ การมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่ศักยภาพโดยเปลี่ยนการรับรู้รายได้จากการขายเป็นการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) และการพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อขยายธุรกิจ สู่ธุรกิจ New S-Curve ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตในอนาคตอีกด้วย

ขณะที่มีโครงการที่กำลังดำเนินงานอยู่ (Under Development) จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 23,976.3 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้จะมีโครงการที่แล้วเสร็จคือ Landmark @ MRTA Station  ขณะที่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 8 โครงการ มูลค่า 18,938.9 ล้านบาท โดยเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายมูลค่า 15,432 ล้านบาทซึ่งมีมูลค่าคงเหลือเป็น Inventory ที่พร้อมขาย เพื่อรับรู้รายได้อีก 5,059.6 ล้านบาท และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 จำนวน 6 โครงการได้แก่ Landmark @ Kasetsart TSH Station , Monsane Exclusive Villa Ratchapruek-Pinklao , Siamese Kin Ramintra Phase 2 , Siamese Home @ Phaholyothin – Rangsit , Siamese Talingchan และ Siamese Luxury Home @ Ratchapruek – 345 มูลค่ารวม 11,621.9 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมี Backlog มูลค่ารวม 4,324.2 ล้านบาท โดยวางแผนจะรับรู้รายได้ในช่วงปี 2565-2569  และโครงการที่แล้วเสร็จจะทำการขายและรับรู้รายได้ประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อเดือน

“แผนการสร้าง New S-Curve บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะต่อยอดธุรกิจใหม่จากธุรกิจหลักโดยสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับหลัก หลัก Asset Play โดยแตกแขนงออกเป็น 6 ธุรกิจประกอบด้วย ธุรกิจด้านพลังงานสีเขียว ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการ ธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีของการพักอาศัย ธุรกิจเกี่ยวกับการบริการผู้สูงอายุ ธุรกิจเกี่ยวกับ Spa & Wellness และธุรกิจการเงินและการลงทุน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของ SA ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นายขจรศิษฐ์ กล่าวในที่สุด

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp