“บล.พาย” ติดตามสถานการณ์โควิดหลังผ่านสงกรานต์ ยังเน้นหาจังหวะลดพอร์ต

264

มิติหุ้น – บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” มองว่า สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์แรกหลังเสร็จสิ้นเทศกาลสงกรานต์ปัจจัยที่ต้องจับตาบ้างได้แก่ภาพรวมการติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศเนื่องจากเกิดการท่องเที่ยวและการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชน แม้การติดเชื้อล่าสุดจะลดลงมาอยู่เพียง 1.7 หมื่นราย ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน อย่างไรก็ตามอาจเกิดจากปริมาณการเข้าตรวจที่ลดน้อยลงเพราะเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่เสียชีวิตเร่งตัวขึ้นล่าสุดอยู่ที่ 128 รายสูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะเดียวกัน COVID-19 ในจีนก็เป็นที่ต้องจับตาใกล้ชิดการติดเชื้อล่าสุดในวันที่ 15 เม.ย. อยู่ที่ 52,951 ราย (สูงสุดในประวัติการณ์) ทั้งนี้หากจีนยังคงดำเนินมาตรการ Zero COVID-19 ย่อมแลกมากับความเสียหายทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงอุปทานขาดแคลน ซึ่งปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศที่มีมูลค่าส่งออกสินค้าสูงสุดอันดับแรกของโลกด้วยมูลค่าราว 3.3 ล้านล้าน $ ขณะที่ไทยก็พึ่งพิงการส่งออกไปจีนค่อนข้างสูง (อันดับ 2) ของประเทศที่ส่งออกทั้งหมดและคิดเป็น 11.4% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดในเดือน ก.พ. 22 ด้านบริษัทจดทะเบียนพบว่ามี (CBG CPF HANA NER SPA) ขณะที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมได้แก่ น้ำมัน (PTTEP) เดินเรือ (PSL TTA) ปิโตรเคมี (PTTGC IVL)

ถัดมาจะเป็นเรื่องของผลประกอบการ 1Q22 อิง Bloomberg คาดว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจะรายงานในสัปดาห์นี้ เบื้องต้นสำหรับ 6 ธนาคารพาณิชย์ที่เราดูแล (BBL KBANK KKP KTB SCB TTB) คาดกำไรสุทธิรวมกันที่ 4.05 หมื่นล้านบาท (+8%YoY +20%QoQ) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นผลจากสินเชื่อที่เติบโตขึ้นและสำรองหนี้ที่ลดลง อย่างไรก็ตามเราเริ่มมีมุมมองเชิงระมัดระวังมากขึ้นต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์

สืบเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ , ความไม่สงบภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครน – รัสเซีย จึงอาจบั่นทอนสินเชื่อและเพิ่มแรงกดดันต่อการสำรองหนี้ฯในอนาคตจากนี้ แต่ยังเลือก BBL KBANK เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มเนื่องจากงบดุลที่ยืดหยุ่นพร้อมกับการเติบโตของกำไรและราคาหุ้นไม่แพง ส่วนปัจจัยอื่นๆในวันศุกร์จะมี 2 ปัจจัยได้แก่การรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยและการแถลงของประธาน FED โดยประเมินกรอบ SET ทั้งสัปดาห์ 1650 – 1680 กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นระมัดระวังต่อการลงทุนควรเพิ่มการถือครองเงินสดเนื่องจากกังวลถึง Valuation ที่แพงและการปรับลดประมาณการช่วงถัดไป ระยะสัปดาห์แนะค้าปลีก (BJC CRC CPALL) มองเป็นกลุ่มที่ผลกระทบน้อยสุดทั้งจากเงินเฟ้อและปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงสื่อสาร (ADVANC INTUCH) โรงพยาบาล (BCH CHG)

BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40 บาท) คาดผลประกอบการจะค่อยๆดีขึ้นในปี2022 จากจุดต่ำสุดในปี2021 หนุนจาก 1) ผลประกอบการ BigC ที่ดีขึ้น 2) ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเวียดนาม 3) รายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง

INTUCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 82 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ได้ประโยชน์จาก ADVANC ที่เป็นผู้เล่นดีที่สุดในอุตสาหกรรม ขณะที่ ADVANC ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่ดีขึ้น ส่วนธุรกิจ THCOM แม้มีแนวโน้มไม่ดีแต่ไม่มีนัยต่อการประเมินมูลค่า

🚩🚩ห้อง Official Line ห้องไลน์ฟรี มิติหุ้น ทันทุกสถานการณ์การลงทุน หุ้นเด่น หุ้นเด็ดตลอดวัน กับห้องไลน์ @mitihoonwealth ห้องไลน์ที่นักลงทุนเข้าเป็นสมาชิกฟรี ไม่มีเงื่อนไข เพียงคลิกลิงค์นี้ก็เข้าได้เลย และสามารถส่งต่อให้เพื่อนได้
https://lin.ee/cXAf0Dp