ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลหลายปัจจัยกระทบความต้องการใช้
– ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดัน หลังกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 65 ลง เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันดิบและสินค้าที่อยู่ในระดับสูง และการบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ในจีน
– ความต้องการใช้น้ำมันในจีนเดือน เม.ย. 65 มีแนวโน้มลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตามรายงานของ Bloomberg หลังหลายเมืองสำคัญในจีน ยังคงบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
– นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับอัตราดอกเบี้ย ขึ้น 0.50% ในการประชุมเดือน พ.ค. 65 ซึ่งป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.50% นับตั้งแต่ปี 43
+ Morgan Stanley ปรับประมาณการราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้น 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 3 แตะระดับ 130 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังคาดว่าตลาดจะอยู่ภาวะตึงตัวมากขึ้น เนื่องจากปริมาณการส่งออกของรัสเซียที่ลดลง
ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังญี่ปุ่นมีแนวโน้มลดการส่งออกน้ำมันเบนซินในเดือน พ.ค. 65 เนื่องจากความต้องการใช้ที่อาจเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด Golden Week ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. 65
ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้น 18.49% ณ สัปดาห์สิ้นสุด 20 เม.ย. 65 แตะระดับสูงสุดในรอบ 22 สัปดาห์ที่ 9.02 ล้านบาร์เรล
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp