ผถห. AMR ไฟเขียวจ่ายปันผลปี 64 เพิ่มอีก 0.08 บ./หุ้น – รับเงิน 25 พ.ค.นี้ ลุยพัฒนา “มาชาร์จ แพลตฟอร์ม” ดันรายได้พุ่ง – ปักธงผลงานปี 65 โต 40%

71

มิติหุ้น – ผู้ถือหุ้น AMR เทคะแนนเสียงรับมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2564 เพิ่มอีก 0.08 บาทต่อหุ้นจากที่จ่ายไปแล้ว 2 รอบ ส่งผลให้ทั้งปีจ่ายปันผลรวมเป็น 0.16 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิวันที่ 10 พ.ค. 2565 พร้อมจ่ายเงินสดวันที่ 25 พ.ค.นี้ ฟากซีอีโอ “มารุต ศิริโก” ระบุปีนี้ตั้งเป้าการเติบโต 40% ผลจากการทยอยรับรู้รายได้จาก backlog ตุนไว้กว่า 1,880 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนา “มาชาร์จ แพลตฟอร์ม” ให้บริการเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจ เอกชน สร้างรายได้เพิ่ม หนุนอนาคตโตยั่งยืน

นายมารุต ศิริโก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด (มหาชน) “บริษัทฯ” เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม ประจำปี 2564 เพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น สำหรับหุ้นจำนวน 600,000,000 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 48,000,000 บาท โดยบริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 (Record Date) และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565

ทั้งนี้ ในระหว่างปี 2564 คณะกรรมการบริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 2 คราว ได้แก่จ่ายในอัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น  หรือ 121,500,000 บาท ก่อนการเสนอขายหุ้น IPO   และหลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน  48,000,000 บาท ดังนั้น เงินปันผลรวมในปี 2564 หลังการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งสิ้นเท่ากับ 0.16 บาทต่อหุ้น หรือ 96,000,000 บาท คิดเป็น 53% จากกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการซึ่งเป็นไปตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ ที่ไม่ต่ำกว่า 40%  รวมเป็นเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2564 ทั้งก่อน และหลังการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 217,500,000 บาท

“การจ่ายปันผลในงวดผลการดำเนินงานปี 2564 เพิ่มเติม เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจในการบริหารงานและมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจตลอดมา และบริษัทฯ มั่นใจว่าในปี 2565 แนวโน้มการดำเนินธุรกิจยังอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี” นายมารุตกล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 40% เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ(backlog) ที่มีอยู่แล้วกว่า 1,880 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีงานโครงการใหม่ที่เปิดให้ประมูลมากขึ้น รวมทั้งบริษัทฯ จะมีการทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจที่มีรายได้ประจำ และรายได้ในส่วนธุรกิจใหม่เกี่ยวกับพลังงานมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนในปีนี้ประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายที่จะรุกขยายการลงทุนไปในธุรกิจด้านการให้บริการพร้อมซ่อมบำรุงและดูแลรักษาแบบเบ็ดเสร็จ และร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และ/หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับระบบคมนาคม เช่น ระบบขนส่งสายรอง ระบบเคเบิลคาร์เพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงยังมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภค และระบบอัจฉริยะเพื่อการบริหารจัดการเมือง โรงงานอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring Income) สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

ล่าสุด บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ พร้อมเปิดให้บริการในการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไฟฟ้าแก่รถรับจ้างสาธารณะในพื้นที่อำเภอบางกรวย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า กรณีศึกษารถรับจ้างสาธารณะในพื้นที่ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ซึ่งได้ทำร่วมกับ มจพ. ภายใต้โครงการวิจัยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัทฯ ยังมีความมั่นใจพร้อมที่จะนำไปต่อยอดสู่การพัฒนา “มาชาร์จ แพลตฟอร์ม” ในรูปแบบการใช้งานที่สามารถนำไปให้บริการในเชิงพาณิชย์แก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจที่มีความสนใจ และมีการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโตได้อย่างมั่นคงของบริษัทต่อไป

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp