รีเจ้นท์ฯปลื้มกระแสตอบรับคอนโดฯบีโอไอแรงสวนทางเศรษฐกิจซบ ลุยเปิด “รีเจ้นท์ โฮม วุฒากาศ” ราคาเดียว 1.2 ล้านบาท เดือนพฤษภาคมนี้

103

มิติหุ้น   –  นางสาวปรารถนา อยู่ภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “รีเจ้นท์ โฮม บางนา”เป็นอาคารไฮไรส์สูง 32 ชั้น ทั้งหมด 4 อาคาร จำนวนห้องชุดรวม 5,000 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 28 ตารางเมตร มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท ได้รับความสนใจจากกลุ่มลูกค้าทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุนเข้ามาจับจอง
ห้องชุดไปแล้วกว่า 60-70% ภายในเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้และสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงซบเซาจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 และตลาดคอนโดฯที่อยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว

ดังนั้นในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดตัวคอนโดฯโครงการใหม่เพิ่มอีก 1 โครงการ คือ โครงการ รีเจ้นท์ โฮม วุฒากาศ มูลค่าโครงการกว่า 3,700 ล้านบาท พัฒนาเป็นคอนโดฯไฮไรส์ 2 อาคาร สูง  37 ชั้นจำนวน 1,933 ยูนิต และสูง 38 ชั้นจำนวน 1,165 ยูนิต รวม 3,098 ยูนิต และร้านค้า 18 ยูนิต ราคาขาย 1.2 ล้านบาททุกยูนิต หรือเฉลี่ยตารางเมตรละกว่า 46,000 บาทเท่านั้นออกแบบเป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอนพื้นที่ใช้สอย 26 ตารางเมตร ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนวุฒากาศ โดยอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีวุฒากาศเพียง 180 เมตรเท่านั้น การเดินทางโดยรถไฟฟ้าเพียง 15 นาทีถึงสีลม, สาทร ย่าน CBD ซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจและมีบริษัทชั้นนำมากมาย นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษาชั้นนำหลายแห่ง โครงการฯจึงน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของคนเมือง ที่ใช้เวลาเร่งรีบได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโครงการฯใกล้กับตลาดพลูและห้างเดอะมอลล์ ท่าพระ สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางหว้า และรถไฟฟ้า สายสีทอง สถานีกรุงธนบุรีได้สะดวก นอกจากนี้ยังเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวกเพราะถนนวุฒากาศสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์ กัลปพฤกษ์ กาญจนาภิเษก และเพชรเกษมได้ด้วย ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการฯ มีทั้ง Garden jogging track สำหรับออกกำลังกายใกล้ชิดธรรมชาติ,Energetic Fitness ที่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน รวมถึงสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ Co-working space สำหรับนั่งทำงานและพักผ่อน และห้อง Meeting Room  สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-4655477-8 หรือลงทะเบียนได้ทาง www.rgp.co.th

“ในฐานะที่เป็นเจเนอเรชั่นรุ่น 2 ของกลุ่มรีเจ้นท์ฯที่เข้ามาบริหารร่วมกับคุณ “นิรัตน์ อยู่ภักดี” คุณพ่อผู้ได้บุกเบิกตลาดคอนโดฯบีโอไอมากว่า 30 ปี ภายใต้แบรนด์ “รีเจ้นท์ โฮม” ได้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์และฟังก์ชันใช้สอยภายในห้องชุดให้สอดรับและตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมถึงการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของพื้นที่ส่วนกลางให้มากขึ้น เช่นพื้นที่ Co-working Space เพื่อรองรับการทำงานของลูกค้าที่ทำงานแบบ Work from Home พื้นที่สวนส่วนกลางและ jogging track ส่วนลิฟต์โดยสารก็เลือกใช้ของโอทีสหรือยี่ห้ออื่นที่เทียบเท่า สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของเฮเฟเล่ เป็นต้น”

สำหรับจุดเด่นที่ทำให้คอนโดฯ “รีเจ้นท์ โฮม” ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า นางสาวปรารถนากล่าวว่า ห้องชุดของแบรนด์รีเจ้นท์เป็นราคาที่จับต้องได้ ซึ่งเมื่อเทียบราคาขายต่อตารางเมตรกับโครงการอื่นที่อยู่ในรัศมีเดียวกันถือว่าคุ้มค่าอยู่เองราคาค่าผ่อนก็ใกล้เคียงกับราคาค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ โดยเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 5-6 พันบาทเท่านั้น  โดยห้องชุดทุกชั้นทุกยูนิตเปิดขายราคาเดียว 1.2 ล้านบาทเท่านั้น ทำให้กลุ่มคนซื้อที่มีรายได้น้อยไปจนถึงรายได้ระดับปานกลาง ที่อยู่ในช่วงวัยเริ่มต้นทำงานหรือกำลังสร้างครอบครัวใหม่สามารถจองซื้อและผ่อนดาวน์ได้ง่าย นอกจากนั้นแล้วถ้าคนกำลังมองหา
ช่องทางการเก็บเงิน การลงทุนคอนโดก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เงินงอกเงยชนะเงินเฟ้อ ซึ่งได้ rental yield ประมาณ 6 -7 % ถือเป็นตัวเลือกให้คนที่อยากเก็บเงินนอกจากการฝากธนาคารได้อีกทางเลือกหนึ่ง รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ รีเจ้นท์ โฮม จะอยู่ในย่านชุมชนและเกาะแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในรัศมีไม่เกิน 500 เมตร ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางลง เช่น โครงการรีเจ้นท์ โฮม บางนา ตั้งอยู่บนถนนสรรพาวุธ ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทและถนนบางนา-ตราด มีทั้งแหล่งงาน ที่อยู่อาศัย สถานศึกษา และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง สามารถเดินทางเข้าสู่ย่านศูนย์กลางเมืองได้สะดวก

ด้านนายนิรัตน์ อยู่ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทรีเจ้นท์ กรีน เพาเวอร์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างมาก ทำให้มีห้องชุดเหลือขายอยู่ในตลาดกรุงเทพฯประมาณ 4-5 หมื่นยูนิต ขณะที่ราคาสินค้าที่เหลือขายอยู่ในตลาดเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้กลุ่มคนซื้อที่เป็นคนรุ่นใหม่และเรียนจบใหม่ไม่สามารถซื้อได้ จึงเป็นโอกาสของกลุ่มรีเจ้นท์ฯ ที่พัฒนาคอนโดฯบีโอไอขายในราคา
ไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อยูนิตสามารถตอบโจทย์และรองรับความต้องการของลูกค่ากลุ่มนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ปกครองที่ต้องหาซื้อที่อยู่อาศัยให้กับบุตรหลานของตัวเองได้พักอาศัยในช่วงที่เริ่มต้นทำงานใหม่ ทำให้โครงการของรีเจ้นท์จะมีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 20%  เพราะในแต่ละปีจะมีนักศึกษาจบใหม่ทั่วประเทศเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯประมาณ 1 แสนคน  รวมถึงกลุ่มข้าราชการวัยเกษียณที่นำเงินออมมาซื้อคอนโดฯเพื่อลงทุนแทนการนำเงินไปฝากธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐเพราะได้รับผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาคอนโดฯใหม่ปีละ 10,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทวางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 2-3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรีเจ้นท์โฮม ประชาชื่น, โครงการรีชพหลโยธิน52 เฟส 2 ราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท และโครงการเทอร่า เรสซิเดนซ์ เฟส 2 อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp