มิติหุ้น – ฝ่ายวิจัยบล.พาย ประเมินว่า การปรับฐานลงมาของตลาดหุ้นโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลงในช่วงถัดไป คล้ายกับที่เกิดในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งและวิกฤต Hamburger ในปี 1997 และ 2008 ตามลำดับ
ทั้งนี้เห็นได้จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น Inverted Yield Curve , ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นแต่ไม่ได้แก้ปัญหาเงินเฟ้อได้โดยตรง ขณะเดียวกันหนี้โลกก็อยู่ในระดับสูง และผลพวงจากวิกฤต COVID-19 ที่หลายประเทศทั่วโลกต้องกู้เงินเพื่อรักษาเศรษฐกิจ
ดังนั้นจากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาย่อมส่งผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจในช่วงถัดไปส่งผลกระทบมาถึงตลาดหุ้น เราจึงยังคาดว่า SET ยังมีโอกาสปรับลดลงแต่หากปรับลงมาสู่บริเวณ 1,390 จุดจะเริ่มน่าสนใจสะสมพร้อมสมมติฐานว่า
ปี2022 GDP จะขยายตัวได้ 3.2%YoY (อิงข้อมูล BOT)จะได้ EPSราว 95.7 บาท / หุ้น พร้อมกับใช้ค่าเฉลี่ย Earnings Yield Gap ที่3.87% Downside SET index จะอยู่บริเวณ 1,393 จุด
จึงแนะนำสะสมกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากศรษฐกิจในประเทศเนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีกว่าประเทศพัฒนาแล้ว แนะนำ กลุ่ม ธนาคารพาณิ ชย์ (BBL KBANK TISCO) ค้าปลีก(BJC CRC CPALL HMPRO GLOBAL MAKRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) โรงพยาบาล (BCH CHG) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) อาหารและเครื่องดื่ม (CBG M ICHI)
@mitihoonwealth
