เปิด 17 หุ้นปลอดภัยชนะเงินเฟ้อ

2112

จากเหตุปัจจัยหลายๆอย่างทั้ง ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังยืดเยื้อ อัตราเงินเฟ้อที่ยังสูงขึ้น ทำให้กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค  และอาจก่อให้เกิดความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอย เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความผันผวนต่อภาคตลาดทุนการลงทุนจากนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ด้าน บล.กสิกรไทยระบุว่า จากความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้ความกลัวต่อมาตรการรัดเข็มขัดของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เงินหยวนที่ออนค่าลง การปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) รวมถึง ระดับการใช้มาร์จิ้นที่สูงในตลาด จึงได้ปรับเป้าหมาย SET Index ปี 2565 ใหม่อยู่ที่ 1,650 จุด (จากเดิม 1,680 จุด) อิงตาม EPS ที่ 100.4 บาท และส่วนต่างผลตอบแทนพันธบัตรกับตลาดหุ้น (EYG) ที่ -0.875SD

 

ขณะที่ประมาณการ EPS ล่วงหน้า 12 เดือนของตลาดถูกปรับขึ้นเป็น 100.4 (+1.5% MoM) และ EPS ถูกปรับฐานไปเป็นปลายไตรมาส 2/2565 จากเดิมคือสิ้นไตรมาสแรก และยังปรับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 2.60% จากเดิม 2.40% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการของ KBANK

 

จับตาQ2ยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

 

SET Index ทำผลงานได้ดีกว่า MSCI ACWI 5% ในเดือน เม.ย. 2565 และ 12% YTD แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าเศรษฐกิจโลก แม้จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ แต่นักลงทุนไม่ควรดีใจเร็วเกินไป เนื่องจากจีนและฮ่องกง (30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าของไทยในปี 2562) ยังคงบังคับใช้มาตรการเข้า-ออกประเทศที่เข้มงวดภายใต้มาตรการโควิดเป็นศูนย์ ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงไม่คลี่คลาย ส่วนอัตราเงินเฟ้ออาจยังคงสูงขึ้นเป็นเวลานาน ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง  ขณะเดียวกัน Fed จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับนโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่อาจก่อให้เกิดความกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

โดยสภาวะถดถอย 5 รอบจาก 6 รอบที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2518 ส่วนนึงเกิดจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่จีนอาจเลือกปรับลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าเพื่อกระตุ้นการส่งออกและหักลบความเสียหายที่เกิดจากมาตรการล็อกดาวน์ เรามองว่าค่าเงินหยวนเคลื่อนไหวตามดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดจนกระทั่งเดือน เม.ย. 2565 ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการส่งออกและเงินทุนไหลออกเช่นเดียวกับในปี 2558 ส่วนการส่งออกของไทยเคยลดลง -5.9% YoY ในปี 2558 ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 664 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดหุ้นไทยและ -4.4 พันดอลลาร์ฯ ในตลาดตราสารหนี้ ส่วน GDP ที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทไทย โดยเราคาดว่าประมาณกำไรจะถูกปรับลดลงหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2565

 

ธีมการลงทุนและหุ้นแนะนำ

 

ผู้เล่นเติบโตสูง (BE8(TP 48.56บ.) RBF(TP21.50บ.) และ CHAYO(TP 14.80 บ.)) เราคาดว่าหุ้นทั้ง 3 ตัวจะรายงานกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565-66

ผู้เล่นอัตราตอบแทนสูง (KKP(TP 87 บ.) KTB(TP 15.50 บ.) DCC(TP 3.40 บ.) และ DTAC(TP 57.52 บ.)) หุ้นปันผลมักจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวลง

ผู้เล่น Defensive (GPSC(TP 85 บ.) และ EPG(TP 12 บ.)) ราคาน้ำมันที่ลดลงน่าจะส่งผลดีต่อ GPSC และ EPG จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

อุปสงค์การเดินทางที่อั้นไว้ (BH (175 บ.) MINT(TP 41.49 บ.) SHR(TP 5.58 บ.)  BEM (TP 9.99บ.) และ SPRC(TP 11 บ.)) การเปิดเศรษฐกิจ การผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางและอุปสงค์ที่อั้นไว้น่าจะช่วยกระตุ้นจำนวนคนไข้ของ BH และช่วยกระตุ้นอัตราการเข้าพักและ ADR ของ MINT และ SHR รวมถึงจำนวนผู้โดยสารของ BEM และอัตราการกลั่นของ SPRC

ผู้ที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือที่ลดลง (ASIAN (TP 23.70 บ.) SAPPE (TP 33.50 บ.) และ SCGP (TP 64 บ.)) ผู้ส่งออกและนำเข้าน่าจะได้รับประโยชน์จากอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงในปี 2565

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp