มิติหุ้น – บมจ. ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC เผย Q1/65 ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้เผชิญสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ด้าน”ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยโค้งแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 11.72 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสก่อน และมีรายได้ 389.71 ลบ. เติบโต 3.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7.7% เป็นการเติบโตได้ดีในตลาดต่างประเทศ สอดคล้องกับความต้องการกาวอุตสาหกรรม และสติ๊กเกอร์เติบโต จากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม–(อีคอมเมิร์ช) e-commerce-เครื่องหนัง–เฟอร์นิเจอร์มีทิศทางเติบโต
นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) (SELIC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% จากไตรมาสก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 389.71 ล้านบาท เติบโต 3.8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7.7% โดยเติบโตได้ดีในตลาดต่างประเทศ ซึ่งในไตรมาส 1/2565 ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมยังมีการชะลอตัว แต่ยังมีภาคอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตและมีความต้องการกาวอุตสาหกรรม และสติ๊กเกอร์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้จากการขายในไตรมาสที่ 1/2565 มีการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2564 จากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม e-commerce เครื่องหนัง และเฟอร์นิเจอร์
“ปัจจัยที่สนับสนุนต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 นั้นมาจากการบริหารจัดการต้นทุนภายในอย่างมีประสิทธิภาพ และบริษัทฯ มีการปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง โดยกำไรขั้นตันมีการเติบโตจากไตรมาสก่อนในอัตรา 13.3% ในขณะที่ต้นทุนขายเติบโตจากไตรมาสก่อนเพียง 2.2% เมื่อเทียบกับการเติบโตของยอดขายระหว่างไตรมาสที่ 3.8%” นางสาวยุวดี กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นประสิทธิภาพในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการขยายตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯ มีแผนมุ่งสู่การเติบโตที่ยั่งยืน ซึ่งปีนี้มุ่งเน้นด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG เรื่องการปรับปรุงกระบวนการ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวรักษ์โลกเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองต่อตลาดได้มากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งมั่นในการบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่าย แม้เผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้ความท้าทาย เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งเห็นผลสัมฤทธิ์ โดยสะท้อนมายังไตรมาสแรกปีนี้มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 81.43 ล้านบาท เติบโต 13.3% จากไตรมาสก่อน โดยส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการต้นทุนภายในที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp