บลจ.ไทยพาณิชย์ เดินหน้าจ่ายปันผลกองอสังหาฯ – โครงสร้างพื้นฐาน ไตรมาสแรก 65 ทะลุ 3 พันล้าน

353

มิติหุ้น – นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลเพื่อผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 5 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์ม ออฟฟิศ (SIRIP) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์ม ออฟฟิศ (POPF) กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) พร้อมจ่ายเงินลดทุน 1 กองทุน คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF)  จากผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2565 หรือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2565  และหรือกำไรสะสม มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท

โดยที่ประชุมได้มีมติกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 สำหรับ 5 กองทุน ยกเว้น กองทุน CPNCG ที่จะปิดสมุดทะเบียนฯ ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 พร้อมกำหนดจ่ายเงินปันผลและเงินลดทุนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันทั้ง 6 กองทุน ในวันที่ 6 มิถุนายน 2565

ทั้งนี้ จะแบ่งเป็น การจ่ายเงินปันผล 5 กองทุน เริ่มจากกองทุน SIRIP ที่ลงทุนในกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จ่ายเงินปันผลรวมราว 8.5 ล้านบาท หรือ คิดเป็นอัตรา 0.05 บาทต่อหน่วย นับเป็นการปันผลครั้งที่ 31 รวมจ่ายเงินปันผลแล้ว 3.9092 บาทต่อหน่วย, กองทุน POPF ลงทุนในอาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ จ่ายเงินปันผลราว 122 ล้านบาท คิดเป็น 0.2544 บาทต่อหน่วย จ่ายเป็นครั้งที่ 44 รวมจ่ายเงินปันผลแล้ว 11.2442 บาทต่อหน่วย และกองทุน CPNCG ลงทุนในสิทธิการเช่าของอาคารสำนักงานให้เช่าบริเวณเขตปทุมวัน จ่ายปันผลราว 95 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 0.2250 บาทต่อหน่วย จ่ายเป็นครั้งที่ 38 รวมจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 8.7248 บาท โดยในไตรมาสนี้สามารถพิจารณาจ่ายปันผลเพิ่มจากไตรมาสก่อน สะท้อนกับอัตราการเช่าที่เพิ่มขึ้นของอาคาร

ส่วนกองทุน PPF ที่ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าบริเวณเขตพื้นที่ EEC (โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) ประกาศจ่ายเงินปันผลไตรมาสแรกปีนี้ประมาณ 38 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 0.1715 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 31 รวมจ่ายเงินปันผลไป 5.7810 บาทต่อหน่วย และกองทุน DIF ที่ลงทุนในทรัพย์สินด้านโทรคมนาคม มีรายได้หลักมาจากสัญญาให้เช่าทรัพย์สินเสาโทรคมนาคม และสายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) ระยะยาว กับกลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) มีมติจ่ายเงินปันผล 2.76 พันล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราปันผล 0.26 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 33 รวมจ่ายปันผลไปแล้ว 8.2124 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ยังได้จ่ายเงินลดทุนให้กับกองทุน ERWPF ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา โดยแม้ว่าธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ต่อเนื่องถึงต้นปี 2565 แต่กองทุนยังคงได้รับค่าเช่าคงที่จากผู้เช่าเหมาทรัพย์สินตามที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าและประกาศจ่ายเงินลดทุนที่ 0.0943 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจ่ายคืนสภาพคล่องส่วนเกิน 16,606,230 บาท จากกรณีที่กองทุนยังคงมีขาดทุนสะสมที่เกิดจากการลดลงของการสอบทานการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีที่ไม่ได้มีกระแสเงินสดจ่ายออกไปจริง

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการ ที่ SCBAM Client Relations โทร.02-777-7777 กด 0 กด 6 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือ www.scbam.com  

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp