มิติหุ้น-นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า โดยรวมทั้งปี 2564 บริษัทมีดีลเป็นที่ปรึกษาการเงินในการขายหุ้น “ไอพีโอ” มูลค่าการระดมทุนรวมในปีที่ผ่านมาประมาณ 2,800 ล้านบาท สำหรับภาพรวมธุรกิจด้านวาณิชธนกิจช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะมีความคึกคักมากขึ้นหลังจากภาคธุรกิจเตรียมพร้อมเข้ามาระดมเงินทุน
ทั้งในรูปแบบการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และการเสนอขายหุ้นกู้เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ หลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ทำให้ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นที่จะลงทุน เพื่อขยายกิจการ
นายดิถดนัย กล่าวว่า ขณะนี้ ทรีนีตี้ มีดีลเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในการขายหุ้นไอพีโอเพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณ 9-10 บริษัท ที่จะทยอยยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) โดยอยู่ในหลากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี
สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ทรีนีตี้ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอของ บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอของ บมจ.เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป (BLESS) และอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่งหุ้นไอพีโอของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH)
สำหรับรายได้ที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณดีลที่เข้ามา ในปี 2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 125.80 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.48 ของรายได้รวมของบริษัทที่ทำได้ 1,008 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 130.78 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้ 54.51 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนร้อยละ 7.60 ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัท
“ทรีนีตี้ มีบริการที่ปรึกษาทางการเงิน และงานวาณิชธนกิจแบบครบวงจร หรือ “ONE STOP SERVICE” ครอบคลุมทั้งด้านการระดมทุนผ่านตราสารทุน และตราสารหนี้ และการเป็นที่ปรึกษาในการควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ที่ขณะนี้มีดีล M&A 3-4 ดีล ทั้งที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการปรับ โครงสร้างหนี้หลังเศรษฐกิจผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19” นายดิถดนัย กล่าว
ด้าน นางสุพัตรา ภู่พัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ดูแลรับผิดชอบการออกตราสารหนี้ กล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยคาดว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ร้อยละ 0.50 และอาจมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีก จะเป็นปัจจัยผลักดันให้ภาคธุรกิจ มีการระดมทุนโดยออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มมากขึ้น เพื่อต้องการล็อกต้นทุนทางการเงินไม่ให้เร่งตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางทรีนีตี้ ได้เข้าไปเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายในการออกและเสนอขายหุ้นกู้อย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมาในแต่ละปีบริษัทจะมีดีลที่เข้าไปเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 3-4 ดีล และเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้ประมาณ 5-6 ดีล รวมๆ ต่อปีบริษัทเข้าไปเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายในการเสนอขายหุ้นกู้กว่า 10 ดีล
“งานบริการหลักของเรา คือการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการระดมทุน และเป็นผู้จัดจำหน่ายในการขายหุ้นไอพีโอ และที่ปรึกษาในการทำ M&A ส่วนธุรกรรมด้านหุ้นกู้ของบริษัท จะเป็นบริการที่ลูกค้าใช้บริการต่อเนื่อง หลังจากขายหุ้นไอพีโอ และเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนแล้ว เมื่อต้องการเงินทุนมาขยายธุรกิจ ทรีนีตี้ ก็จะช่วยดูแลให้ได้ใช้โอกาสในการเข้าถึงตลาดทุน ในรูปแบบอื่นๆ ที่เปิดกว้างมากขึ้น เช่น การออกหุ้นกู้” นางสุพัตรา กล่าว
สำหรับลูกค้าในมือที่เตรียมเข้ามาระดมทุนทั้งขายหุ้นไอพีโอ และขายหุ้นกู้ก็จะกระจายอยู่ในหลากหลายธุรกิจ ด้านเทคโนโลยี ธุรกิจอาหาร การเงิน ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวมถึงธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือ AMC ที่ต้องการระดมทุนเพื่อนำไปขยายพอร์ตเข้าประมูลหนี้จากสถาบันการเงินที่จะนำหนี้ NPLs ออกมาขาย เพราะคาดกันว่าในระบบจะมีหนี้ NPLs เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทได้เป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นไอพีโอของ บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก
การให้บริการงานวาณิชธนกิจครบวงจร หรือ “ONE STOP SERVICE” ทางทรีนีตี้มีการจัดตั้งบริษัท ทรีนีตี้ อินเทลลิเจนส์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้าไปวางระบบการควบคุมภายใน หรือการตรวจสอบภายในให้แก่บริษัทที่กำลังเตรียมความพร้อม โดยให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ และเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับบริษัทในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาธุรกิจให้มีมาตรฐาน มีโครงสร้าง และระบบการบริหารจัดการที่ดีขึ้น
รวมทั้งมีระบบการควบคุมภายในที่ดี เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ไม่ว่าบริษัทนั้นจะมีเป้าหมายในการระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ก็ตาม เพราะถือว่าเราได้มีส่วนสำคัญในการเข้าไปพัฒนาและยกระดับมาตรฐานธุรกิจให้ลูกค้า และหากลูกค้ามีเป้าหมายที่่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ถือเป็นการส่งต่อบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่มีคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทยอีกด้วย
นายดิถดนัย กล่าวเสริมว่า “บริษัทมีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีประสบการณ์ในงานวาณิชธนกิจมายาวนานที่จะให้คำปรึกษากับบริษัทที่มีความประสงค์จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทรีนีตี้ เป็น Full Service Brokerage มีงานด้านธุรกิจหลักทรัพย์ งานที่ปรึกษาทางการเงิน งานบริการบทวิเคราะห์แก่นักลงทุน ตลอดจนงานด้านการเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร”
@mitihoonwealth