มิติหุ้น – “สกาย ทาวเวอร์” ตอกย้ำความเชื่อมั่น รุกหนักธุรกิจเทเลคอมในฟิลิปปินส์เต็มรูปแบบ โชว์ความคืบหน้าเริ่มก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่าชุดแรกแล้ว ยัน“เสี่ยงต่ำ มีสัญญาให้เช่าที่กำหนดรายได้แน่นอน และรับออเดอร์ล่วงหน้าก่อนสร้างสถานี” คาดชุดแรก 60 สถานีทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนก.ค.นี้ ผลตอบแทนการลงทุนโครงการ (EIRR) กว่า 25% ขณะเดียวกันเตรียมรับรู้รายได้จาก QNSI ในไตรมาส 2/65 นี้อีกกว่า 100 ล้านบาท ชี้ธุรกิจโทรคมนาคมในฟิลิปปินส์ยังเติบโตได้อีกมาก ล่าสุดได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ฟิลิปปินส์
นายธีรชัย ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ทาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STOWER เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ถือเป็นปีที่ STOWER รุกเข้าสู่ธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศเต็มรูปแบบ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจของบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งเป็นโอกาสการเทิร์นอะราวด์ จากเดิมที่มีรายได้หลักอยู่ในประเทศ โดยปีนี้จะเป็นปีแรกที่รายได้หลักของบริษัทจะมาจากธุรกิจเทเลคอมในต่างประเทศ
โดยรายได้ส่วนแรกจาก บริษัท QNSI ซึ่งทำธุรกิจให้บริการติดตั้งและทดสอบระบบส่งสัญญาณสื่อสารบนเสาโทรคมนาคมในประเทศฟิลิปปินส์ จะมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาทต่อปี และมี Backlog แล้วทั้งปี โดย STOWER เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 และจะรับรู้รายได้เต็มไตรมาสประมาณ 100 ล้านบาท ในไตรมาส 2/2565
ส่วนธุรกิจให้เช่าเสาโทรคมนาคมนั้น STOWER จะใช้เงินลงทุนในปี 2565 รวมประมาณ 900 ล้านบาท สำหรับ 240 สถานี ซึ่งปัจจุบันได้ส่งเสาเทเลคอมชุดแรกไปถึงฟิลิปปินส์แล้ว 20 สถานี และกลางเดือนนี้จะส่งเสาเพิ่มไปอีก 40 สถานี เพื่อติดตั้งและเริ่มทยอยส่งมอบสถานีโทรคมนาคมให้เช่าประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้จากค่าเช่าได้ทันที ส่วนที่เหลือจะได้รับแจ้งพื้นที่ที่ลูกค้าต้องการเช่าประมาณเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ให้เป็นไปตามแผน
ธุรกิจสถานีโทรคมนาคมให้เช่าได้ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย SkyTowers Infra Inc.ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีสัญญาให้เช่าระยะยาว 20 ปี กับ Globe Telecom Inc. บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ของประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเช่าพื้นที่ติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณบนเสาโทรคมนาคม พร้อมเงื่อนไขการปรับขึ้นค่าเช่าทุกปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีตลอดระยะเวลาสัญญา และมีอัตราผลตอบแทนของโครงการ (Project IRR) ประมาณ 15% และอัตราผลตอบแทนในส่วนทุน (Equity IRR) ประมาณ 25%
บริษัทสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากผู้เช่ารายที่ 2 (Second Tenant) บนเสาโทรคมนาคมเดียวกัน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่ม ข้อดีของโมเดลธุรกิจดังกล่าว เกิดจากนโยบายของรัฐบาลประเทศฟิลิปปินส์ ที่ให้บริษัทที่ได้รับใบอนุญาต (License) เป็นผู้เจ้าของสถานีและให้เช่าเสาโทรคมนาคมร่วม (Common Tower)
ล่าสุดบริษัท SkyTowers Infra Inc. ได้รับการอนุมัติสิทธิประโยชน์ในการลงทุนจากหน่วยงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ประเทศฟิลิปปินส์ ในโครงการลงทุนก่อสร้างเสาโทรคมนาคมให้เช่า โดยจะได้รับยกเว้นภาษีนิติบุคคลไปจนถึงปี 2570 และ 5 ปีหลังจากนั้นจะเสียภาษีเพียง 5% รวมทั้งยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านอื่นๆ อีกเช่นการยกเว้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ
ส่วนความร่วมมือกับบริษัท T3 Technology ที่บริษัทลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ Broadband Internet รวมทั้งผลิตภัณฑ์ IoT ให้กับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ และผู้ใช้งานในประเทศฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าในไตรมาส 4 ปีนี้จะเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามา
ขณะที่ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในประเทศ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือ EGAT จะมีการงานประมูลของภาครัฐที่มูลค่าเฉพาะเสาส่งประมาณ 4 พันล้านบาท ในปี 2565 โดย STOWER เป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ได้รับการรับรองจาก EGAT คาดว่ามีโอกาสได้รับงานประมาณ 20-25%
“ปีนี้ STOWER มีโอกาสเทิร์นอะราวน์ ส่วนจะมีกำไรมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับการลงทุนก่อสร้างสถานีเสาโทรคมนาคมให้เช่าว่าจะได้ตามเป้าหมาย 240 สถานีหรือไม่ ถ้าการเพิ่มทุนประสบผลสำเร็จและได้รับเงินเพิ่มทุนเข้ามามากเพียงพอตามแผนงานที่วางไว้ ก็จะทำให้สามารถสร้างผลกำไรจากรายได้ค่าเช่าได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ลงทุนมั่นใจได้ว่าการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวมีความเสี่ยงต่ำมาก เนื่องจากทุกสถานีที่ลงทุนจะมีสัญญาเช่าก่อนแล้ว และได้รับค่าเช่าล่วงหน้าทันทีเมื่อส่งมอบ ซึ่งแต่ละสถานีจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 4 เดือน” นายธีรชัยกล่าว
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp