มิติหุ้น – วายแอลจีชี้ กนง.ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ไม่ได้กระทบราคาทองคำในประเทศมากนัก หลังค่าเงินบาทยังอ่อนค่าจากดอลลาร์แข็งท่ามกลางแนวโน้มเฟดขึ้นดอกเบี้ย ขณะปัจจัยเงินเฟ้อยังรุนแรง หนุนทองคำทำหน้าที่สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ แนะมีติดพอร์ต 5-10% จากแนวโน้มทองระยะยาวขาขึ้น แนะหากราคาทองในประเทศย่อถึง 28,000- 27,800 บาทต่อบาททองคำเป็นโอกาสเข้าซื้อ แต่หากปรับขึ้นไปใกล้ 32,000 บาทแนะขาย
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า จากต้นปี 2565 ราคาทองคำในประเทศได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากประมาณ 5.77% จากต้นปีที่เปิดตลาดที่ 28,600 บาทต่อบาททองคำ จนถึงปัจจุบันที่ระดับ 30,250 บาทต่อบาททองคำ แต่ระหว่างทางราคาทองคำก็ได้ปรับตัวสลับขึ้นลง โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำยังคงเป็นปัจจัยด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมถึงสถานการณ์ต่างประเทศ เช่น ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน ขณะเดียวกันสถานการณ์ในประเทศล่าสุดได้มีปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจโดยเฉพาะเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น ซึ่งตามปกติแล้วแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของกนง.จะหนุนค่าเงินบาทแข็งค่าและกดดันราคาทองคำในประเทศ แต่จะเห็นว่าค่าเงินบาทไม่ได้ปรับตัวแข็งค่าจากข่าวดังกล่าว แต่กลับอ่อนค่าลงหลังผลการประชุมกนง.เสร็จสิ้น เนื่องจากยังมีแรงกดดันในเรื่องของการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแนวโน้มเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ หากมองในแง่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ก็จะส่งผลกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดี ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่เป็นที่นิยมป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน จึงมองว่าราคาทองคำระยะยาวยังมีทิศทางปรับตัวขึ้น ดังนั้น ถ้าหากราคาทองคำไม่ต่ำกว่า 28,000 บาทต่อบาททองคำยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยบริเวณราคา 28,000 – 27,800 บาทต่อบาททองคำจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ แต่ถ้าปรับขึ้นไปไม่ผ่าน 32,000 บาทต่อบาททองคำแนะนำให้ขายทำกำไรออกมาก่อน
นอกจากนี้หากมองย้อนไป 5 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาทองคำเป็นขาขึ้นตลอด เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยช่วยลดความผันผวนของพอร์ตที่จะติดลบ ค่าความผันผวนของพอร์ตจะลดลง เพราะทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้นเมื่อหุ้น หรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆปรับตัวลดลง อีกทั้งราคาทองคำมีต้นทุนหน้าเหมือง ดังนั้นราคาทองคำจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะปรับลดลงต่ำกว่าราคาหน้าเหมืองซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับคำแนะนำในการลงทุนทองคำนั้นแนะนำว่าพอร์ตการลงทุนที่ดีในการลงทุนทองคำสัดส่วนของการลงทุนทองคำตัวเลขจากสมาพันธ์ทองคำโลกให้ไว้ที่ 5-10%
อย่างไรก็ดี แม้ระยะยาวทองเป็นขาขึ้น แต่ในระยะสั้นราคาทองคำมีความเสี่ยงปรับตัวลดลงได้ การลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเพราะสามารถทำกำไรได้ในทั้งขาขึ้นและขาลง โดยปัจจุบัน YLG ได้เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สต่างประเทศ ด้วยการร่วมมือกับ CME Group เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่เทรดผ่าน YLG futures สามารถเข้าถึงทุกสินค้าของ CME Group ทุกบริการ เช่น Precious Metal futures ,Oil futures ,Cryptocurrency futures , Forex futures ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งกองทุนสถาบันในการเข้าไปซื้อขายสินค้า พร้อมเชื่อมต่อ Exchange ทั่วทั้งโลกไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ง่ายขึ้น
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp