มิติหุ้น-CPANEL เผยทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/65 เติบโตต่อเนื่อง จ่อเซ็นสัญญาเพิ่ม มูลค่ารวม 291.8 ล้านบาท หนุน Backlog 1,174.4 ล้านบาท ปรับปรุงชิ้นส่วนเครื่องจักร ดันยอดการผลิตพุ่ง พร้อมลงเครื่องจักรใหม่ อยู่ระหว่างการทดสอบ คาดรันระบบได้ช่วงไตรมาส 3/65 ตอกย้ำเป้าหมายเติบโต 25% หรือประมาณ 400 ล้านบาท
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (มหาชน) (“CPANEL”) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) ด้วยระบบอัตโนมัติ (Fully Automated Precast) ที่ใช้สำหรับงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจไตรมาส 2/65 แนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยบริษัทอยู่ระหว่างรอพิจารณาเซ็นสัญญากับลูกค้าโครงการแนวราบ-แนวสูงเพิ่ม 5 ราย มูลค่ารวมกว่า 291.8 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีลูกค้าอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายรายที่มีความสนใจใช้ Precast Concrete อีกทั้ง บริษัทมีงานที่จะส่งมอบให้ลูกค้า 16 ราย อาทิ สัมมากร บริทาเนีย แสนสิริ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าสามารถผลิตและส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ทันตามแผนที่กำหนดไว้กับลูกค้า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 1,174.4 ล้านบาท
“ในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทได้ปรับปรุงชิ้นส่วนเครื่องจักร ส่งผลให้มียอดการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น และ มีเครื่องจักรใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของโรงงาน ขณะนี้ อยู่ระหว่างการทดสอบระบบ คาดว่าจะเดินหน้าผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าได้มากขึ้นแบบ Just in time รวมถึงลดความผิดพลาด ลดโอกาสสูญเสียในการผลิต ลดการพึ่งพาแรงงาน ตอกย้ำเป้าหมายเติบโต 25% หรือประมาณ 400 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 10%” นายชาคริต กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 15 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพิ่มเติมให้อีกในอัตรา 0.0183333 บาทต่อหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นปันผลสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้แล้วเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา
รวมถึงจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งที่ 1 (“CPANEL–W1”) ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุ 3 ปี โดย 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ CPANEL-W1 มีสิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิแปลงสภาพที่ 5 บาทต่อหุ้น เริ่มใช้สิทธิครั้งแรก 31 พฤษภาคม 2566
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 1/2565 บริษัทมีรายได้รวม 90.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 86.37 ล้านบาท และสามารถทำกำไรนิวไฮเป็นไตรมาสที่ 3 หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีกำไรสุทธิ 11.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.41 ล้านบาท
@mitihoonwealth