มิติหุ้น – TEKA พร้อมเทรดวันแรกใน SET 15 มิถุนายน 65 มั่นใจนักลงทุนต้อนรับคึกคัก ชูจุดเด่นมี Backlog ในมือราว 1.7 พันล้านบาท แย้มครึ่งปีหลังสัญญาณบวก จ่อรอประมูลงานใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 15-20 โครงการ หนุนความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ด้านเงินระดมทุนใช้เสริมศักยภาพการรับงานบิ๊กโปรเจกต์ ดันงบทะยานโต ด้านบทวิเคราะห์ให้ราคาเหมาะสมที่ 5.5 – 8.30 บ./หุ้น
นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 นี้ โดยใช้ชื่อย่อ ‘TEKA’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และมั่นใจว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนจะสนับสนุนโอกาสในการเดินหน้าประมูลงานใหม่ โดยในปีนี้มีอีกไม่ต่ำกว่า 15 – 20 โครงการ
เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 328.45 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับงานก่อสร้างที่อาจเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ รวมถึงใช้ในการจัดหา ซ่อมแซม และปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์การก่อสร้างต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการที่ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น และสร้างผลตอบแทนนักลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ TEKA ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เชี่ยวชาญในกลุ่มงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ เช่น อาคารศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน อาคารเรียน โรงแรม และ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เป็นต้น
การรับเหมาก่อสร้าง จะครอบคลุมงานตั้งแต่ (1) งานโครงสร้าง (2) งานสถาปัตยกรรม และ (3) งานระบบประกอบอาคาร ปัจจุบัน TEKA อยู่ในฐานะผู้รับเหมาหลักของโครงการ โดยจะมีทีมวิศวกรซึ่งมีประสบการณ์และความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ และสามารถส่งมอบได้ตามเงื่อนไขของสัญญา
นายธีร์ จารุศร กรรมการผู้จัดการ Head of Investment Banking and Capital Markets บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า TEKA จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 38 ปี มีลูกค้าชั้นนำกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรม รวมทั้ง มีการบริหารจัดการควบคุมต้นทุนได้ดี ตลอดจน ทีมงานวิศวกรที่มากด้วยประสบการณ์ จะสนับสนุนโอกาสภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น รองรับงานโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
นายโยธิน วิริเยนะวัตร์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า มั่นใจเมื่อหุ้น TEKA เข้าซื้อขายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากช่วงที่เปิดเสนอขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา กระแสความต้องการหุ้น TEKA มีมากกว่าจำนวนที่จัดสรร โดยจากความต้องการที่ล้นหลามครั้งนี้ นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของ TEKA แล้ว การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.60 บาท คิดเป็น P/E ราว 9.91 เท่า สร้างความสนใจให้นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นเติบโตรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในอัตราเร่ง
นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า ด้านบทวิเคราะห์จาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ประเมินราคาเหมาะสมอยู่ในช่วง 5.50 – 8.30 บาท/หุ้น มองประเด็นการลงทุน TEKA ถือเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เชี่ยวชาญก่อสร้างอาคารตึกสูง TEKA มีประสบการณ์ยาวนานเกือบ 40 ปี ครอบคลุมการให้บริการในทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนงาน การควบคุมดูแลการก่อสร้าง และการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ โดยมีทีมวิศวกรซึ่งมีความชำนาญ ทำหน้าที่ควบคุมและตรวจสอบการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปด้วยความถูกต้อง มีคุณภาพ และสามารถส่งมอบได้ตามเงื่อนไขของสัญญา
ขณะที่กำไรปี 2564 เติบโตสูงถึง 44.6% รับผลบวกรายได้โครงการภาคเอกชนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าโครงการภาครัฐ โดยบริษัทฯ ได้โครงการภาคเอกชนระดับพรีเมียมซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 10.3% ในปี 2563 ขึ้นเป็น 18.1% ในปี 2564 ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก หนุนกำไรปี 2564 เติบโตเป็น 126 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาข้อมูลฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2564 ถือว่าเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯ ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565-2566 คาดจะเติบโต จากงานในมือปัจจุบันที่สูง และ ในอนาคตมีแนวโน้มจะได้งานอีกหลายโครงการ สนับสนุนให้ความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรสูงขึ้น ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp