STP หุ้นแพ็คเก็จจิ้งเติบโตแรงเดินหน้าอัพกำลังการผลิตเพิ่มอีก 50% พร้อมบุกอุตสาหกรรมอาหาร – ขยายตลาดใหม่

252

มิติหุ้น – STP หุ้น Packaging น้องใหม่ เทรดวันแรกนักลงทุนต้อนรับอบอุ่น เงินระดมทุนใช้ขยายกำลังการผลิต รับดีมานด์ธุรกิจอาหารสัตว์ และขยายไปยังลูกค้าใหม่ หนุนความสามารถการทำกำไรแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ STP เปิดเทรดวันแรกที่ 20 บาท เพิ่มขึ้น 11.11% จากราคาจองซื้อ (IPO) 18 บาทต่อหุ้นและปิดเทรดวันแรกอยู่ที่ 18.80 บาท เพิ่มขึ้น 4.44% มูลค่าซื้อขาย 2,805.57 ล้านบาท

นายสุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ STP ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด กล่าวว่า  STP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันที่ 14 มิถุนายน 2565  นี้ ต้องขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้การเปิดซื้อขายหุ้น STP วันแรก ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น และสนับสนุนให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้เพิ่มความสามารถในการผลิต และรองรับการเติบโตของ STP ให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมอาหารซึ่งมีแผนขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงวางกลยุทธ์การขยายโรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของเครื่องพิมพ์และขยายกําลังการผลิตที่เน้นการผลิตสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหารที่สามารถสัมผัสอาหารโดยตรง (Direct food contact) เปิดช่องทางการขยายฐานลูกค้าใหม่ และสนับสนุนการใช้กําลังการผลิตที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

วางเป้าหมายการดําเนินธุรกิจใน 5 ปี ข้างหน้า เพิ่มยอดขายสู่ระดับ 750 ล้านบาท ซึ่งมองว่าจะสามารถทำได้เร็วกว่าเป้า หรือมีอัตราการเติบโตยอดขายโดยเฉลี่ย 5% -15% ต่อปี

ทั้งนี้ STP เป็นผู้ผลิตและให้บริการรับพิมพ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ มีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ประเภทได้แก่  กล่องกระดาษออฟเซ็ทแบบประกบฟูกและแบบไม่ประกบฟูก โดยให้บริการตั้งแต่การพัฒนาและออกแบบบรรจุภัณฑ์ การจัดทำเพลทที่มีคุณภาพสูง การพิมพ์งานสูงสุดสี พร้อมกับมีบริการหลังพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั๊มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงินการประกบลูกฟูก การไดคัท ระดมทุน IPO เพื่อสร้างโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบัน 49.7 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี เป็น 74.55 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี ภายในปี 2566 คิดเป็นกำลังการผลิตส่วนเพิ่ม 50%  เงินส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ภายใต้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำไรปี 2565-67  เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4% และมีศักยภาพการจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่องตามนโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp