มิติหุ้น – นางวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน K PLUS มีผู้ใช้งานกว่า 18 ล้านคน รองรับการใช้งานทั้งการทำธุรกรรมในประเทศ ธุรกรรมข้ามประเทศ ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง KBTG เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบและรักษาข้อมูลของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันให้ได้มาตรฐานที่ดียิ่งขึ้นไป ประกอบกับการเตรียมความพร้อมเพื่อขยายฐานผู้ใช้ไปยังประเทศในกลุ่ม AEC+3 โดยเริ่มจากเวียดนาม และอินโดนีเซีย KBTG จึงได้ลงนามความร่วมมือกับบริษัท บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการผสานความรู้ความสามารถของทั้งสององค์กร พร้อมนำแพลตฟอร์มของ Microsoft มาพัฒนาต่อยอด K PLUS เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เติบโตแบบก้าวกระโดด เสริมโครงสร้างความปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล สร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า รวมทั้งความสามารถในการนำเสนอบริการแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Offering) ผ่านการประมวลผลโดย AI และ Machine Learning ที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อช่วยยกระดับแพลตฟอร์มสู่การแข่งขันในระดับประเทศ และต่อยอดสู่การเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินแห่งภูมิภาค พร้อมรองรับผู้ใช้งานทั้ง AEC+3 ที่คาดว่าจะแตะระดับ 40 ล้านคน ภายในปี 2570
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไมโครซอฟท์มีความยินดีอย่างยิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยและ KBTG ได้ให้ความไว้วางใจ เลือก Microsoft Technology เพื่อรองรับการขยายผู้ใช้งานของ K PLUS ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนทั้งประสบการณ์ของลูกค้าและการเติบโตของธนาคารในยุคดิจิทัล โดยเราจะนำทั้งเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญระดับโลกมาเสริมให้ประสิทธิภาพของทาง K PLUS ที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความยืดหยุ่นเชิงโครงสร้างที่รองรับทั้งการขยายธุรกิจในประเทศไทยและในระดับภูมิภาค ในขณะเดียวกัน เรายังจะนำพันธมิตรและคู่ค้าที่มีความเชี่ยวชาญในโซลูชั่นด้านการเงินและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะยกระดับการให้บริการลูกค้า นอกจากนี้จะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยความพร้อมตามมาตรฐานสากล
นางวรนุชกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาบริการดิจิทัลในระดับภูมิภาค หลังจากที่ KBTG ได้จัดตั้งบริษัท K–TECH ปัจจุบันก็ได้เปิดตัว K PLUS ภาษาเวียดนามเพื่อรองรับการใช้งานในตลาดเวียดนามแล้ว และในอนาคตจะมีการขยายแพลตฟอร์ม K PLUS เพื่อรองรับผู้ใช้งานประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคให้ได้รับบริการทางการเงินที่เสถียรและปลอดภัยเช่นกัน
@mitihoonwealth