มิติหุ้น – ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ซึ่งปัจจุบันให้ความสำคัญตั้งแต่การสร้างความตระหนักรู้ของคนในองค์กร การยกระดับส่วนงานต่าง ๆ ให้สอดรับกับสถานการณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม การพัฒนานวัตกรรมและเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการให้บริการภาคธุรกิจ – ประชาชน อีกทั้งยังมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีในด้านการสื่อสารและขนส่งเพื่อสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy Model) หรือการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจ สีเขียวของภาครัฐ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“จากสถานการณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไปรษณีย์ไทยได้มีการปรับตัวในเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นภาคบริการขนาดใหญ่และมีผลตกกระทบกับภาคส่วนทางเศรษฐกิจและสังคม ที่ผ่านมาจึงกำหนดเป็นแผนงาน – กิจกรรมเพื่อส่งต่อประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสร้างศักยภาพให้เกิดขึ้นกับหน่วยงานในระยะยาว โดยมีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
- โครงการไปรษณีย์ reBOX กิจกรรมสร้างประโยชน์จากกล่องพัสดุ และซองกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว จากกระบวนการขนส่งมาพัฒนาเป็นสิ่งใหม่ที่มีคุณค่า และเกิดผลเชิงบวกกับสาธารณะ ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 ร่วมกับ ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) (SCGP) โดยไปรษณีย์ไทยยังคืนกำไรให้ผู้เข้าร่วมแคมเปญไปรษณีย์ reBOX ในปีนี้ผ่านการมอบแต้มสะสม POST FAMILY ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565 เพียงรวบรวมกล่องพัสดุ/ซองที่ไม่ใช้แล้วมาให้ ณ จุด Drop Box จุด Drive Thru ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ และหน่วยงานพันธมิตร และพิเศษสำหรับเดือนมิถุนายน สามารถนำแต้มสะสมมาแลกเป็นส่วนลดค่าจัดส่งได้ตั้งแต่ 50 บาท สูงสุดถึง 1,000 บาท เพื่อใช้ในบริการส่งด่วน EMS ในประเทศ ส่งด่วนต่างประเทศ EMS World ลงทะเบียนในประเทศ และลงทะเบียนต่างประเทศ โดยสามารถใช้สิทธิ์แลกส่วนลดค่าจัดส่งได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565
- ผลิตกล่องพัสดุที่มีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล ไปรษณีย์ไทยให้ความสำคัญกับการผลิตกล่องพัสดุตั้งแต่ต้นทาง โดยมีการใช้เยื่อกระดาษรีไซเคิลเป็นส่วนผสม ซึ่งเยื่อกระดาษรีไซเคิลมาจากการนำกระดาษที่ใช้แล้วมารีไซเคิล เพื่อลดปริมาณการใช้เยื่อกระดาษที่ผลิตจากต้นไม้โดยตรง แต่ยังคงมีความแข็งแรงทนทานเหมือนเดิม
- รถนำจ่าย และรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า เพื่อรับกับเทรนด์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากว่ารถยนต์ทั่วไป ไปรษณีย์ไทยจึงได้ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่น ฮอนด้า มิตซูบิชิ บ้านปู เน็กซ์ ฯลฯ ในการศึกษาแนวทางเพื่อนำยานพาหนะมาใช้ในการขนส่งไปรษณียภัณฑ์ในพื้นที่ต่างๆ โดยเริ่มนำร่องใช้รถยนต์ไฟฟ้า 250 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่ง และนำจ่าย อีกทั้งยังทดลองใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ (EV TRUCK) ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะช่วยประหยัดทรัพยากรได้เพิ่มขึ้นกว่า 30 % และเป็นต้นแบบของผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Logistics) ของประเทศไทยในอนาคต
“นอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว ไปรษณีย์ไทยยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรเพื่อร่วมกันดำเนินกิจกรรมทางด้านสิ่งแวดล้อมหลากหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็นโครงการ “ฝากทิ้ง E-Waste กับพี่ไปรษณีย์” ซึ่งเป็นความร่วมมือของไปรษณีย์ไทยกับ เอไอเอส เพื่อช่วยให้คนไทยทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) ได้สะดวกขึ้นผ่านจุดทิ้งในที่ทำการฯ และการฝากทิ้งกับบุรุษไปรษณีย์ เป็นต้น นากจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคมต่อไป”
@mitihoonwealth