ราคาน้ำมันดิบปรับลดกว่า 6% หลังตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงและกระทบความต้องการใช้น้ำมัน
– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะหดตัวลงและคาดจะส่งผลกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นกว่า 0.75% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาเพื่อลดผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงทั่วโลก โดยนับว่าเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากสุดนับตั้งแต่ปี 2537 ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลอื่นมากสุดนับตั้งแต่ปี 2545 ทั้งนี้ ปัจจัยดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจและราคาน้ำมันดิบ
– ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังผู้ผลิตปรับเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 17 มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 7 แท่นสู่ระดับ 740 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 63
+ ตลาดยังคงจับตาปริมาณการส่งออกก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย หลังรัสเซียปรับลดปริมาณการส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศในกลุ่มยุโรปต่อเนื่อง ขณะที่ ความต้องการใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ทั้งนี้ หากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้มีการหันมาใช้น้ำมันผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซธรรมชาติ โดยเฉพาะในแถบเอเชียใต้
ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของมาเลเซียที่เพิ่มขึ้นในช่วงการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในประเทศ
ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลอุปทานตึงตัว อย่างไรก็ตาม ราคามีแนวโน้มปรับลดลงหลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp