มิติหุ้น – บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” มอง วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.1% แรงกดดันยังมาจากปัจจัยเดิมๆ อาทิ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยรวมถึงภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบันจะเป็นตัวกดดันเศรษฐกิจสหรัฐและอาจถึงขั้นเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับฐานแรง 5.58% จากหน้าข่าวรายงานว่าตลาดเริ่มวิตกกังวลกับฝั่งอุปสงค์ที่อาจจะหายไป ผลพวงจากคาดการณ์ของตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย มองเป็นลบต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) และโรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ด้านค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่องทดสอบระดับ 35.2 นับเป็นการอ่อนค่าสูงสุดในรอบ 5 ปี มองเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออก (ASIAN TU) อย่างไรก็ตามเป็นลบกับนักลงทุนต่างชาติที่มีโอกาสขายสุทธิออกมาต่อเนื่อง ส่วนในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้ประกาศยกเลิก Thailand Pass สำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าประเทศไทยทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เท่ากับว่าปัจจุบันการเดินทางเข้าประเทศไทยของต่างชาติกลับไปเสมือนก่อนเกิด COVID-19 เป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ข้อมูลล่าสุดจาก ศบค. ระบุว่า 2 สัปดาห์แรกของ มิ.ย. ต่างชาติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 1.07 แสนคน (+3,900%YoY) จากนี้คาดหวังว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเพราะ Thailand Pass จะถูกยกเลิกตั้งแต่ ก.ค. เป็นต้นไป
สัปดาห์นี้ไม่ได้ปัจจัยสำคัญอย่างมีนัยยะเท่าใดนัก ด้านในประเทศจะมีการรายงานมูลค่าค้าขายระหว่างประเทศประจำเดือน พ.ค. ในวันที่ 22 พ.ค. Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกจะขยายตัว 8.3%YoY และนำเข้าจะขยายตัว 17.5%YoY แต่คาดดุลการค้าจะติดลบราว 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยดุลการค้าที่ยังติดลบจึงมีแนวโน้มที่เงินบาทจะยังคงทิศทางอ่อนค่าต่อเนื่อง สัปดาห์นี้จึงเป็นไปได้ที่อาจมีแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติสอดคล้องกับช่วงผ่านมาที่เห็นแรงขายสุทธิออกมาจากนักลงทุนต่างชาติ ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สัปดาห์นี้จะเน้นไปทางตัวเลขอสังหาฯ โดยวันอังคารช่วงกลางคืนตามเวลาประเทศไทยจะมีการรายงานยอดขายบ้านมือสองประจำเดือน พ.ค. Bloomberg Consensus คาดที่ 5.4 ล้านหลังคาเรือนและวันศุกร์จะมีรายงานยอดขายบ้านหลังแรกประจำเดือน พ.ค. Bloomberg Consensus คาดที่ 5.92 แสนหลังคาเรือน เป็นที่น่าสังเกตว่าจำนวนยอดขายบ้านหลังแรกและมือสองเริ่มลดลงต่อเนื่องและปัจจุบันดอกเบี้ยกู้บ้าน 30 ปีของสหรัฐฯปรับขึ้นต่อเนื่องทดสอบระดับ 6% สูงสุดในรอบ 13 ปี ดังนั้นจากนี้ต้องติดตามภาคอสังหาฯสหรัฐใกล้ชิด หากมีสัญญาณของการทรุดตัวลงต่อเนื่องอาจตามมาด้วยอัตราการว่างงานที่จะเริ่มสูงขึ้นในช่วงถัดไป ส่วนการรายงานในสัปดาห์นี้หากต่ำกว่าตลาดคาดจะเป็นปัจจัยกดดันเพราะปัจจุบันตลาดเริ่มกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1540 – 1580 เชิงกลยุทธ์การลงทุนมองตลาดหุ้นช่วงสั้นเข้าสู่การฟื้นตัวหลังปรับฐานมาแรงแต่ยังให้น้ำหนักเพียงฟื้นสั้นๆระยะสั้นแนะ Trading ส่งออก (ASIAN TU) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT SPA) ค้าปลีก (BJC CPALL) สื่อสาร (ADVANC INTUCH)
CENTEL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท) ผลประกอบการของบริษัทจะยังโตต่อเนื่องในช่วง 3 ปีข้างหน้าจนแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในปี 2023 ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมา EBITDA เป็นบวกต่อเนื่อง พร้อมมองครึ่งปีหลังของปี 22 จะสดใสมากกว่าครึ่งปีแรกหนุนจากการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศของภาครัฐ
CPALL (ถือ / ราคาเป้าหมาย 66.50 บาท) แนวโน้มช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะค่อยๆดีขึ้นหลังจากมีการเปิดประเทศ โดยต้องติดตามว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากน้อยเพียงใด รวมถึงการรับรู้โลตัสจะทำให้ผลประกอบการขยายตัวเมื่อเทียบ YoY พร้อมมองราคาหุ้นปัจจุบันน่าสะสมสำหรับระยะกลาง – ยาว
@mitihoonwealth