มิติหุ้น – ตลาดหุ้นไทยปัจจัยลบรุมเร้า แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นใหญ่ยังดี บาทอ่อนเป็นผลดีต่อหุ้นส่งออก “ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค” สบโอกาส เดินหน้าสร้างนักลงทุนมืออาชีพ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ “สยามสแควร์” โค-เทรดดิ้ง สเปซ พื้นที่สร้างสรรค์การเรียนรู้ด้านการลงทุนรูปแบบใหม่ รองรับไลฟ์สไตล์นักลงทุนรุ่นใหม่ที่ใฝ่หาความรู้เพื่อเป็นเครื่องมือสามารถอยู่รอดในการลงทุน และทำคอมมูนิตี้นักลงทุนไทยแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
นายกระทรวง จารุศิระ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ผู้ริเริ่มโครงการ ซุปเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพครั้งแรกของประเทศไทย และบริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค (Super Trader Republic : SPTR) จำกัด ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุน และโค-เทรดดิ้ง สเปซ (Co-Trading Space) แห่งแรกของเมืองไทย เปิดเผยว่า ตลาดการลงทุนขณะนี้ ยังคงได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย อาทิ ปัญหาเงินเฟ้อสูงทั่วโลก ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นแต่ค่าแรงคงเดิม ปัญหาสินค้าการเกษตรและโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้นส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นที่ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงขึ้น และเงินบาทอ่อนค่า อย่างไรก็ดี ในมุมมองส่วนตัวเชื่อว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะไม่เกิด หากไม่มีปัจจัยนอกเหนือจากนี้มากระทบ เพราะการที่เงินบาทอ่อนค่า อาจทำให้ภาคนำเข้าได้รับผลกระทบ แต่ขณะเดียวกันสินค้าส่งออกจะได้รับผลบวก รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวในประเทศที่คนต่างชาติเข้ามา จึงมองว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะไม่ขาดทุน
“ภายใต้สถานการณ์วิกฤต ก็จะมีกลุ่มที่ได้โอกาสเสมอ แม้ว่าการบริโภคภายในประเทศหดตัว แต่การท่องเที่ยวจะกลับมา หรือ แม้แต่ปัญหาเงินเฟ้อสูง เงินบาทอ่อน ก็มีกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาหาร กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มโรงแรมและสายการบิน ขณะที่ปัญหาการขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารและบริษัทประกันที่นำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนในตราสารหนี้ ทำให้ได้ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือหนี้ภาคครัวเรือน หลังโควิดจบแล้ว อาจเห็นยอด NPL ในระบบสูงขึ้น”
ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะอยู่ในกรอบกว้าง 1580-1700 จุด มีแนวรับแรกของอยู่ที่ 1560-1580 จุด ไม่ควรหลุด ถ้าไม่หลุดใช้กลยุทธ์เทรดตามกรอบไม่มองไกลกว่านั้น เพราะยังไม่เห็นข่าวดีมากพอที่จะทำให้ดัชนียืนเหนือ 1700 จุด ได้ แต่หากแนวรับหลุด 1560 จุด มีแนวรับต่อไปอาจลงได้ถึง 1400 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่หลุดยาก หากไม่มีปัจจัยลบเรื่องใหม่เข้ามากดดัน โดยมองว่าตลาดหุ้นไทย ยังคงมีบริษัทใหญ่ ๆ ปัจจัยพื้นฐานดีเป็นเสาค้ำยันตลาดอยู่ ยกตัวอย่าง เช่น PTT SCC ADVANC CPALL BDMS AOT PTTEP GULF OR BBL KBANK SCB TOP CPF CPN ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นใหญ่ที่มีค่าเฉลี่ยของ PE ตามปกติ ไม่ได้ถือว่าแพง จึงมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับตัวลงที่จำกัด
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในช่วงจังหวะนี้ แนะนำให้เลือกลงทุนในกลุ่มที่มีเกราะกำบังและแข็งแกร่งกว่าตลาด ได้แก่ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มอาหารส่งออก กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มธนาคาร-ประกัน ส่วนกลยุทธ์การเทรดให้ใช้ Hit&Run Style เล่นหุ้นตามตลาด และเน้นซื้อในจังหวะที่ได้เปรียบ
นายกระทรวง กล่าวถึง ภาพรวมธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ โฮลดิ้ง ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจโดยมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในกลไกสร้างนักลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีส่วนร่วมส่งเสริมคุณภาพให้กับตลาดหุ้นไทย และต้องการสร้างเวทีในการถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุนสู่นักลงทุนนำมาสู่ความยั่งยืนของตลาดทุน โดยรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันเป็น Investment Gateway ที่มุ่งให้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนเป็นหลัก และปีนี้มีความตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ให้นักลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์การลงทุน
โดยธุรกิจในกลุ่มประกอบด้วย ซุปเปอร์สกิล (SuperSkill) เป็นแหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน ซุปเปอร์เทรดเดอร์ พับลิชชิ่ง (Super Trader Publishing) เป็นแหล่งรวมหนังสือด้านการลงทุนทุกสินทรัพย์การเงิน ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินเตอเนชั่นแนล (Super Trader International) เป็นสถาบันสอนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ กองทุน ทองคำ น้ำมัน ฟิวเจอร์ ออปชั่น ซุปเปอร์เทรดเดอร์ อินฟินิต (Super Trader Infinite) โครงการที่รวบรวมความรู้ด้านการลงทุนจากกูรูมืออาชีพในวงการไว้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกตลาด ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ฟิวเจอร์ส และคริปโตฯ พร้อมกับกิจกรรมการแข่งขันวัด Performance ด้วยพอร์ตการลงทุนจริงโดยมีรางวัลมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านบาท
ด้านนายจุติ เนื่องจำนงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจของ ซุปเปอร์เทรดเดอร์ รีพับบลิค เป็น Investment Academy ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี นับตั้งแต่ปีแรกที่ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2559 โดยขณะนี้มีการพัฒนาคอร์สเรียนทางด้านการลงทุนเป็นระบบสมาชิกที่มีชื่อว่า Exclusive Membership All in one ซึ่งมี โค้ชพี่เลี้ยง คอยสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างใกล้ชิด (Personal Trainer) มีโปรแกรมการเรียนอย่างเป็นระบบ สอนตั้งแต่พื้นฐานจนนำไปใช้งานได้จริง (SPTR Program) และมีการเทรดและวิเคราะห์ตลาดจากสถานการณ์จริง (Live Trade) ตั้งแต่ก่อตั้งจนปัจจุบันมีจำนวนสมาชิกนักลงทุนที่ผ่านการเรียนกับ SPTR กว่า 3,000 คนแล้ว
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาหลักสูตรการให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน และรูปแบบการลงทุนรุ่นใหม่ รวมทั้งมีเป้าหมายที่ต้องการพัฒนารูปแบบสาขาใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งในบริเวณในเมืองและชานเมือง และตอบโจทย์ผู้เทรดสินค้าต่างประเทศในช่วงกลางคืน รวมไปถึงพื้นที่ในบริเวณศูนย์การค้า เพื่อให้ผู้คนได้เข้าถึง Super Trader Republic ได้ง่ายขึ้นด้วย จึงได้เปิดสาขาใหม่ “สาขาสยามสแควร์” และเป็นสาขาที่เชื่อมั่นว่าจะตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนคนรุ่นใหม่ได้สูงสุด เพราะตั้งอยู่ในศูนย์กลางใจกลางเมืองกรุงเทพฯ สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ง่าย เดินทางสะดวก โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มคอร์สทางด้านการลงทุนให้ครบทุกสินทรพย์การเงิน และเพิ่มจำนวนสมาชิกสาขาใหม่ให้ได้ 5,000 คน ในระยะเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ “สาขาสยามสแควร์” มีพื้นที่โดยรวมกว่า 700 ร.ม. แบ่งพื้นที่เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ 120 ที่นั่ง และห้องทีมเทรด 30 ที่นั่ง รองรับการให้บริการสมาชิกรายปีได้มากกว่า 3,000 คนต่อปี นับเป็นจำนวนที่เหมาะสมเพื่อการดูแลที่ทั่วถึง และความเป็นพรีเมียมของผู้ใช้งาน ขณะเดียวกันยังมุ่งสร้างสังคมนักลงทุนที่มีคุณภาพให้กับสมาชิก ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่จะหมุนเวียนกันมาให้คำปรึกษาตลอดทั้งสัปดาห์
สำหรับนักลงทุนและผู้สนใจสมัครสมาชิกรายปี จะมีค่าสมาชิก 75,000 บาทต่อปี โดยสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ได้ตลอดทั้งปี สามารถติดต่อลงทะเบียนได้ที่ Facebook Page : Super Trader Republic หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 091-874-3803, 096-127-8687 หรือ เว็บไซต์ www.supertraderrepublic.com
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp