มิติหุ้น – น.ต.ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADT) และผู้อำนวยการสถาบันการบิน (DAA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้นักเรียนมีความรู้และความเข้าใจในวิชาชีพต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการบิน และเปิดโอกาสให้นักเรียนสมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรที่ตนเองสนใจและตอบโจทย์ในการประกอบอาชีพในอนาคต โดยนักเรียนที่เข้าร่วมการอบรมจะได้เรียนรู้ถึงสายอาชีพในอุตสาหกรรมการบินและได้ประสบการณ์ในการเตรียมตัวก่อนเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
สำหรับรายละเอียดกิจกรรม ได้แบ่งฐานความรู้ออกเป็น 6 ฐาน ได้แก่ ฐานปฏิบัติการการฝึกบินจำลอง(Flight Simulators), ฐานปฏิบัติการการบริการผู้โดยสารบนเครื่องบิน (In-flight Service), ฐานปฏิบัติการการสาธิตการดับเพลิง (Fire Drill), ฐานปฏิบัติการการควบคุมจราจรทางอากาศ (Aerodrome), ฐานปฏิบัติการการอพยพฉุกเฉินด้วยสไลด์ (Slide Drill) และฐานสอบสัมภาษณ์คัดตัวนักศึกษา (Interview Session) ในกรณีที่สอบผ่านจะได้รับโควตาและทุนการศึกษา (เฉพาะ DEK66) ค่ายนี้เหมาะสำหรับนักเรียนที่อยากเป็นนักบิน (Pilot), พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Cabin Crew), เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ (Air Traffic Controller), พนักงานต้อนรับภาคพื้น (Ground Attendant) และเจ้าหน้าที่ภาคพื้นในส่วนงานอื่น ๆ (Other Relevant Ground Operations) ซึ่งทุกฐานการอบรมจะมีพี่นักบิน ลูกเรือและอาจารย์ด้านการบินผู้มีประสบการณ์ตรงคอยให้คำแนะนำ พร้อมทีมงานมืออาชีพคอยดูแล ภายใต้มาตรการความปลอดภัยระดับโลก
“จากการสอบถามผู้ปกครองส่วนใหญ่สนับสนุนให้เด็กเข้าร่วมโครงการฯ เพราะมองว่าสถานการณ์โควิด –19 เริ่มคลี่คลาย ไทยรวมถึงหลายประเทศทั่วโลกเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้อุตสาหกรรมการบินฟื้นตัวตาม ดังนั้นจึงเกิดความมั่นใจและส่งเสริมให้บุตรหลานเข้าอบรมเพื่อค้นหาตนเองและสมัครเรียนในสายอาชีพที่ชอบ อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินเป็นของคู่กัน เมื่อทุกอย่างฟื้นตัวบุคลากรที่ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมดังกล่าวจะฟื้นตัวตาม จึงขอให้ผู้ปกครองสบายใจได้ว่าในอนาคต ความต้องการแรงงานด้านนี้จะมีมากขึ้น เมื่อลูกหลานเรียนและจบออกไปจะมีงานทำแน่นอน ทั้งนี้อยากฝากถึงนักเรียนที่สนใจด้านการบินและยังไม่มีที่ศึกษาต่อ ขณะนี้ทางวิทยาลัยฯ ได้เปิดรอบพิเศษให้นักเรียนเข้าสมัครเรียนได้ทั้ง 2 สาขา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงก่อนเปิดภาคเรียนในเดือนสิงหาคมนี้” น.ต.ดร.วัฒนา กล่าว
นายพงศ์วิทย์ พินิจสุวรรณ หรือน้องบุ๋น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนอัสสัมชัญลำปาง จ.ลำปาง
กล่าวว่า โดยส่วนตัวมีความฝันอยากเป็นนักบิน เมื่อทราบข่าวประชาสัมพันธ์โครงการฯจาก Facebook Page ของวิทยาลัยฯ พบว่ามีกิจกรรมที่น่าสนใจจึงปรึกษาผู้ปกครอง เมื่อผู้ปกครองอนุญาตจึงสมัครเข้าร่วมกิจกรรมสำหรับกิจกรรมที่ชื่นชอบ คือ ห้องฝึกบินจำลองด้วยเครื่องซิมมูเลเตอร์ (Flight Simulators) เนื่องจากฝันอยากเป็นนักบินจึงอยากลองสัมผัสการฝึกบินและบรรยากาศในห้องนักบิน (Cockpit) ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในด้านนี้ อย่างไรก็ตามตนมองว่ากิจกรรมนี้ดีมาก มีรุ่นพี่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงได้ประสบการณ์ในการบินและได้ความรู้พื้นฐานต่าง ๆ ถ้าทาง มธบ.เปิดโครงการนี้อีก จะสมัครเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน
นางสาววริศรา พัสดุ หรือน้องเฟิร์สเลิฟ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเซนต์เทเรซา หนองจอก กรุงเทพฯ กล่าวว่า กำลังตัดสินใจเข้าศึกษาต่อ ระหว่างคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรมและวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน มธบ. เมื่อทราบว่า CADT DPU เปิดโครงการค่ายการบิน จึงมาสมัครเพื่อค้นหาตนเองว่าชอบเรียนสาขาไหนมากกว่ากัน หลังจากได้มาสัมผัสบรรยากาศบนเครื่องบิน และผ่านการอบรมทุกฐานใน 1 วันเต็ม รู้สึกชอบอาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จึงตัดสินใจว่าหลังเรียนจบ ม.6 จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ CADT DPU เพราะมองว่ามีสาขาที่ชอบและจบออกไปจะได้ทำงานที่ตนเองสนใจ
นางสาวนิรมล เหละดุหวิ ผู้ปกครองของนายกฤติน บุญสุทธิ์ หรือน้องบอส นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) ประสานมิตร (ฝ่ายมัธยม) กล่าวว่า ส่งเสริมและสนับสนุนให้น้องเข้าไปเรียนรู้ทุกค่ายที่สนใจ อาทิ ค่ายวิศวกรรมชีวการแพทย์, ค่ายการบินของการบินไทย เป็นต้น เพื่อให้ค้นหาตนเองว่าอยากเรียนสายไหน ซึ่งตอนนี้น้องสนใจเรียนด้านการแพทย์และการบินเป็นพิเศษ หลังจากผ่านการอบรมแต่ละค่าย คุณแม่จะให้น้องกลับมาเขียนว่า สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ในค่ายต่าง ๆ มีอะไรบ้าง และสิ่งนั้นทำให้ตนเองเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจากเข้ารับการอบรมในแต่ละค่าย น้องจะกลับมาฝึกทักษะที่เกี่ยวข้องกับสาขาที่อยากเรียนเพิ่มขึ้น สำหรับโปรแกรมที่น้องสนใจจะเป็นเรื่องของการควบคุมจราจรทางอากาศ มาตรฐานความปลอดภัยในการบิน ซึ่งคุณแม่อยากให้มาเรียนรู้ไว้ เพราะอย่างน้อยเมื่อเกิดสถานการณ์จริงขึ้น เขาจะมีสติจัดการแก้ไขสถานการณ์ได้
“การไปค่ายบ่อย ๆ ทำให้เห็นพัฒนาการของลูก จากที่เนือยนิ่งก็กลับมาตั้งใจเรียนขึ้น นอกจากนี้ยังได้เจอเพื่อน ได้รู้ว่าเพื่อนข้างนอกตื่นตัวขนาดไหนหรือโลกไปถึงไหนแล้ว บางครั้งการเรียนรู้ในโรงเรียนอาจยังไม่เพียงพอ จึงอยากให้มีประสบการณ์นอกโรงเรียน ดังนั้นจึงอยากให้เด็ก ๆ ค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร อยากเรียนอะไร ส่วนผู้ปกครองต้องคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังคอยดูอยู่ห่าง ๆ” นางสาวนิรมล กล่าว
@mitihoonwealth