มิติหุ้น – บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC เผยภาพรวมตลาดสินเชื่อครึ่งปีหลังยังมีโอกาสหลังโควิด-19 คลี่คลาย แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว คาด“สินเชื่อจำเป็น” คึกคัก เป็นที่ต้องการ ภาคธุรกิจเร่งเดินหน้าและฟื้นฟูกิจการ ชี้เป็นโอกาสส่งสินเชื่อ “รถทำเงิน” หนุนผู้ประกอบการตั้งหลักพลิกฟื้นกิจการและลงทุนขยายธุรกิจ พบแนวโน้มสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นที่ต้องการมากขึ้นในภาวะเงินเฟ้อ ชู “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” ตัวช่วยรวมหนี้แบ่งเบาภาระรายเดือน เดินกลยุทธเชิงรุก เชิงรับ จัดโปรแกรมอัพสกิลทีมขาย เสริมแกร่งทีมงานมืออาชีพกว่า 250 คนทั่วประเทศที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าเสมือน “เพื่อนคู่คิด” ออกให้คำปรึกษาบริการแบบเคาะประตูถึงบ้าน เน้นจุดแข็ง อนุมัติไว ในวงเงินที่เพียงพอ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริหารจัดการทุกพอร์ตหนี้ให้ดี NPL 3.8% ด้วยทีมงานคุณภาพมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การประเมินสูง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกถึงคุณสมบัติผู้ยื่นกู้และปล่อยวงเงิน
นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC บริษัทในกลุ่ม SINGER ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อชั้นนำ เผย ช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น หลายธุรกิจเริ่มระมัดระวังและคุมเข้มการใช้จ่ายมากขึ้น เช่นเดียวกับตลาดสินเชื่อที่มีนโยบายเข้มงวด และปล่อยวงเงินด้วยความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงต่อการบริหารหนี้โดยรวมเพิ่มขึ้น แต่ยังมีโอกาสโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ “สินเชื่อจำเป็น” เพื่อใช้ในการฟื้นฟู หรือขยายกิจการหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจะเป็นกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน รวมไปถึงสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในกลุ่มแบ่งเบาภาระหนี้ส่วนบุคคลที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้น สอดคล้องกับจำนวนหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อรวมหนี้ที่ตอบโจทย์การแบ่งเบาภาระหนี้ส่วนบุคคลให้ลดลงได้
ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ธุรกิจหลายภาคส่วนเริ่มกลับมาลงทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการ เร่งปรับเปลี่ยนทิศทางธุรกิจให้สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดที่ดุเดือด อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อจากค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มอุปโภคและบริโภคเริ่มทยอยปรับตัวขึ้นตามราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ซึ่งหากธุรกิจใดสามารถลุกขึ้นมาปรับตัวได้ก่อน ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการพลิกฟื้นธุรกิจให้สามารถกลับมาเติบโตขึ้นมาได้ก่อน ดังนั้น จึงทำให้ครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่หลายธุรกิจต้องการทุนเงินสดเพื่อนำมาใช้หมุนเวียนเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ต้องการแหล่งเงินทุน พร้อมที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่คุ้มค่าไปพร้อมกับการเดินหน้าธุรกิจได้จริง นับเป็นโอกาสของสินเชื่อ “รถทำเงิน” ซึ่งเข้าไปตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจทั้งขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก โดยการนำสินทรัพย์รถในครอบครองยื่นกู้เพื่อนำเงินสดเป็นทุนหมุนเวียน เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน พร้อมต่อยอดธุรกิจให้บรรลุตามเป้าหมาย ขณะเดียวกันยังมีรถไว้ใช้งานได้เหมือนเดิม ด้วยจุดเด่นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมรับรีไฟแนนซ์โดยไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน อนุมัติเร็วใน 1 ชม. โอนไว ทันใจ ให้วงเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายสูงสุดถึง 30 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำเริ่มต้นที่ 0.60% และสามารถเลือกผ่อนขั้นต่ำ 12 เดือน และสูงสุดถึง 60 เดือน
อย่างไรก็ดี จากการที่ประชาชนส่วนใหญ่มีแนวโน้มแบกรับภาระหนี้สินจากหลายแหล่งเพิ่มขึ้น ทั้งหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลจากสถาบันธนาคารต่าง ๆ รวมถึงผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) บวกกับค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ในขณะที่รายได้ค่าแรงปรับขึ้นน้อยหรือถูกปรับลดเงินเดือนเพื่อพยุงกิจการ ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในแต่ละเดือน ทำให้ต้องกู้เงินจากหลายแหล่งและรับภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอีกพร้อมกัน ด้วยปัจจัยนี้ทำให้ผู้บริโภคมองหาสินเชื่อรวมหนี้ เพื่อลดภาระหนี้ แบ่งเบาค่าใช้จ่ายรายเดือน “สินเชื่อสวัสดิการ SG Capital” (Debt Consolidation) จึงถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่เป็นพนักงานประจำในองค์กรคู่ค้าที่มีฐานเงินเดือน ตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป เพื่อมุ่งเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยบริหารจัดการรวมหนี้จากส่วนต่าง ๆ มาจบในที่เดียว ด้วยวงเงินกู้สูงสุด 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 15% ต่อปี โดยการผ่อนชำระเป็นแบบลดต้นลดดอกเบี้ยในเวลาเดียวกัน
“จุดแข็งของ SGC ส่งผลให้แผนการปล่อยสินเชื่อยังคงเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์เชิงรับด้านหลักเกณฑ์การกำกับดูแลโดยทีมงานขายมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 250 คน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญพิเศษด้านการประเมิน การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทั้งการประเมินสินทรัพย์ค้ำประกันและคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้ รวมทั้งการปล่อยวงเงิน เพื่อรักษาระดับการบริหารจัดการทุกพอร์ตหนี้ให้ดี รวมทั้งหมดคงที่ NPL 3.8 % และยังพร้อมขยายทุกพอร์ตให้เติบโตตามแผนงาน นอกจากนี้ ยังมีทีมพนักงานหลังบ้านกว่า 250 คน ในการร่วมศึกษาข้อมูล พัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บริการ และระบบปฏิบัติการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับบริการที่ดีที่สุด สามารถให้คำปรึกษาด้านการกู้เงินและการใช้เงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจ ด้วยความสะดวกรวดเร็ว พร้อมด้วยกลยุทธ์เชิงรุกในแผนการอัพสกิล รีสกิลทีมขาย ต่อยอดความเชี่ยวชาญที่มีอยู่ โดยจัดโปรแกรมการฝึกอบรม เสริมกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้า สร้างความรู้ความเข้าใจในบริการรอบด้าน เพื่อตอกย้ำจุดเด่นของ SGC ผ่านทีมขายฟร้อนท์ไลน์ที่พร้อมเข้าช่วยเหลือลูกค้า ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา และให้บริการกับลูกค้าถึงที่ เหมือนเพื่อนคู่คิด อนุมัติไว พร้อมวงเงินที่เพียงพอ” นางสาวบุษบา กล่าว
@mitihoonwealth