วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

91

ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังสหรัฐฯ เผยซาอุดิอาระเบียจะยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในทันที

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศภายหลังจากที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เยือนซาอุดีอาระเบีย ว่าซาอุฯ จะยังไม่มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในทันทีและซาอุฯ มีการเปิดเผยว่าการปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอยู่กับการประชุมของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (OPEC+) ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีการประกาศมาตรการเพิ่มเติม ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกพลัสจะมีการประชุมในวันที่ 3 ส.ค. นี้ แต่ตลาดคาดกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะไม่มากนัก เนื่องจากกำลังการผลิตสำรอง(Spare Capacity) เหลือเพียงเล็กน้อยแล้ว

– ปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้นำคนใหม่ของบริษัทฯ น้ำมันแห่งชาติประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉิน (Force Majeure) สำหรับการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบในส่วนที่มีการปิดไปก่อนหน้า ทั้งนี้หากลิเบียสามารถกลับมาดำเนินการได้ตามปกติ คาดจะทำให้อุปทานมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 0.85 ล้านบาร์เรลต่อวัน

– ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มการขุดเจาะขึ้นต่อเนื่อง โดย Baker Hughes รายงานปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 15 ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 4 แท่นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 ที่ราว 756 แท่น

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจากอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้และอินเดียที่เพิ่มการส่งออกขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp