SCAP พอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลครึ่งปีแรกโตเกิน 30% เล็งขยายฐานลูกค้ารองรับดีมานด์ มั่นใจคุม NPL ต่ำกว่า 1.5%

34

มิติหุ้น  –  SCAP ส่งสัญญาณการฟื้นตัวสินเชื่อส่วนบุคคล ดันผลงานครึ่งปีแรกพอร์ตโตเพิ่มขึ้นทะลุ 30% สะท้อนดีมานด์สินเชื่อเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ด้านผู้บริหาร วิชิต พยุหนาวีชัย แย้มขยายฐานลูกค้า P-Loan เจาะกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและกลุ่มเจ้าของกิจการ เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ยืนยันคุม NPL ได้ต่ำกว่า 1.5% หนุนกำไรปี 65 โตไม่หยุด

วิชิต พยุหนาวีชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานด้านธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan หรือ P-Loan) ของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรก 2565 พอร์ตสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากอานิสงส์การผ่อนปรนมาตรการโควิดของภาครัฐหลังสถานการณ์เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีประวัติและความมั่นคงทางการเงินดี แต่ขาดสภาพคล่องชั่วคราวหรือต้องการทางเลือกเข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการชำระหนี้สูง ส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและสามารถควบคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% ช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากการขยายตัวสินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทได้สอดคล้องกับข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่า สินเชื่อส่วนบุคคลมีสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 และขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

ขณะที่ครึ่งหลังปี 2565 บริษัทมีแผนขยายการเติบโตด้วยการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ได้แก่ กลุ่มลูกค้า SME และกลุ่มเจ้าของกิจการ ที่มีความจำเป็นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระดับสูงเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจหรือเพิ่มสภาพคล่อง แต่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเชื่อว่าลูกค้ากลุ่มใหม่ที่บริษัทสนใจเป็นลูกค้าที่สามารถสร้างรายได้ได้ดี ทั้งนี้การขยายกลุ่มลูกค้าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับสินเชื่อรายย่อยแบบไม่มีหลักประกันให้สามารถเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคตได้

“…จากตัวเลขข้อมูลบริษัท ผมเชื่อว่าสินเชื่อส่วนบุคคลเริ่มเห็นการฟื้นตัวที่แน่ชัดแล้ว และคาดว่าความต้องการจะยังมีต่อเนื่องไปจนจบปี 65 ทำให้เรามั่นใจในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการชำระหนี้เป็นทุนเดิม ซึ่งปัจจุบันเราได้คุมให้เอ็นพีแอลอยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5% ถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แต่ถึงอย่างนั้นเรายังคงควบคุมคุณภาพสินเชื่อตามมาตรฐานของเราอยู่ดี ซึ่งก้าวต่อไปผมเตรียมโฟกัสกลุ่ม SME และกลุ่มเจ้าของกิจการ สองกลุ่มนี้น่าสนใจตรงที่เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้แต่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง จึงมองว่าจะเป็นโอกาสสำหรับเราในการเติบโตจากฐานลูกค้าใหม่ และในปี 66 บริษัทเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น” คุณวิชิต กล่าว

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp