TKN เดินหน้ากลยุทธ์ “GO Board” ขยายฐานธุรกิจพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ มองตลาดต่างประเทศฟื้นตัวโดดเด่น เพิ่มช่องทาง Live พร้อมรุกสร้างแบรนด์เต็มสูบ

76

มิตหุ้น – บมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN เดินหน้ากลยุทธ์ “GO Board” ต่อยอดขยายฐานธุรกิจ พัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ มองตลาดจีนและอเมริกาเติบโตโดดเด่น เตรียมเพิ่มช่องทางขายในแคนาดา ผ่านห้างเทรดเดอร์โจส์ (Trader Joe’s) และห้างคอสโค (Costco) พร้อมกลับมารุกสร้างแบรนด์เต็มที่ผ่านกลยุทธ์ Idol Marketing เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ “วิน เมธวิน” และทำแคมเปญร่วมกับตัวการ์ตูน “BT21”บนผลิตภัณฑ์สาหร่ายอบ

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกทยอยคลี่คลาย มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางจัดจำหน่ายแบบ Modern Trade (MT) และ Traditional Trade (TT) โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลัก ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องติดตามปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยดังกล่าวยังไม่กระทบกับบริษัทฯ เนื่องจากได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งดำเนินกลยุทธ์ “Go Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ทำให้บริษัทปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับแผนงานในอนาคต

หลังจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ต่อไปคือ “GO Board” หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ประเทศจีน ที่ภายหลังเริ่มมีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มียอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนในครึ่งปีหลังของปี 2565 จะเข้ามามากกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน สูงกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดคำสั่งซื้อเฉลี่ย 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน อีกทั้งได้แต่งตั้ง General Manager หรือ GM ประจำพื้นที่ เพื่อเป็นคีย์แมนที่สำคัญในการบริหารจัดการและวางแผนการตลาดควบคู่กับตัวแทนจำหนส่ายสินค้าทั้ง 2 รายในประเทศจีน

ขณะที่ตลาดในสหรัฐอเมริกา ได้นำแบรนด์ใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายของเถ้าแก่น้อยเพื่อทำตลาด ภายใต้ชื่อ “NORA” (โนระ)​ ด้วยการกระจายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด​และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อในไตรมาส 2/2565 เติบโตเกือบ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) นับตั้งแต่เริ่มทำการตลาดปี 2561 ซึ่งหนึ่งในการเติบโตมาจากการที่ TKN มุ่งเน้นเจาะตลาด Mainstream ที่เป็นชาวอเมริกันในท้องถิ่น วางแผนเตรียมเพิ่มช่องทางขายผ่านร้านค้าเครือใหญ่อย่าง ‘เทรดเดอร์โจส์’ (Trader Joe’s) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 3/ 2565 หรือ ไตรมาส 4/ 2565 เป็นต้นไป      อีกทั้งได้เริ่มขยายตลาดแบรนด์โนระเข้าสู่ประเทศแคนาดา ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในห้างคอสโค (Costco)  โดยบริษัทฯ กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในโซนยุโรปเพิ่มเติมอีกด้วย

“ปัจจุบันสินค้าจากเอเชียเข้าไปตีตลาดประเทศในแถบยุโรปมากขึ้น ผ่านการจัดจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรด ซึ่ง TKN ได้นำแบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่ายทำตลาดภายใต้ชื่อ โนระ (NORA) ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่เป็นสาหร่ายสแน็ค จึงเป็นตลาด Blue Ocean ที่ยังไม่มีคู่แข่ง ประกอบกับชื่อเสียงของเถ้าแก่น้อยที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าจะเติบโตเรื่อยๆ ในระยะ 4 – 5 ปีหลังจากนี้ เหมือนกับตลาดในประเทศจีน” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเดินหน้าสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มที่ ผ่านการใช้กลยุทธ์ Idol Marketing ที่สาหร่ายเถ้าแก่น้อยให้น้ำหนักสำคัญมาโดยตลอด และจะเน้นให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มแฟนคลับและลูกค้ามากกว่าการขายของเพียงอย่างเดียว เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด 19 โดยล่าสุดได้ดึง “วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” นักแสดงหนุ่มสุดฮอตจากซีรีส์ชื่อดังมานั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์

พร้อมกันนี้ TKN ได้เพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่ๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในปีนี้ คือ สาหร่ายอบ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพ และผู้บริโภคคนไทยนิยมทานตามกระแสซีรีย์เกาหลี โดยเพิ่มความเฟรนด์ลี่ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแฟนคลับ จึงได้ร่วมกับ “BT21” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนของ LINE FRIENDS ที่ออกแบบโดยวงไอดอลเกาหลีชื่อดังระดับโลก “BTS” ซึ่งภายหลังจากวางจำหน่ายก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงคาดว่าจะช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจสาหร่ายเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์สาหร่ายโรยข้าว แม้เปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ได้รับผลตอบรับน่าพอใจ โดยจะมีการปรับสูตรและพัฒนารสชาติหลากหลายมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางขายผ่านการไลฟ์สด (Live) ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 2565 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาด E-Commerce ขณะนี้  โดยดึงเอานักแสดงคู่จิ้นมาเป็นผู้นำเสนอสินค้าผ่านหลายแพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมกันในหลายประเทศ เช่น ไทย และจีน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี จึงวางแผนเพิ่มความถี่จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง และคาดว่าจะพัฒนาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในอนาคต

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp