“บล.พาย” วิเคราะห์สัปดาห์นี้ปัจจัยหลักได้แก่ประชุม FED แต่เชื่อว่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น

84

มิติหุ้น – บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” คาดการณ์ วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้น Dow Jones อ่อนตัวลง 0.4% ผิดหวังกับผลประกอบการ Snap Chat และส่งผลกดดันจิตวิทยาการลงทุนในภาพรวม ขณะเดียวกันผิดหวังกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหลังเปิดเผยดัชนี PMI (ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ) ภาคบริการออกมาที่ 47 ต่ำกว่านักวิเคราะห์ประเมินที่ 52.6 แต่ภาคผลิตออกมาดีกว่าคาด (คาด 52 ออกมาที่ 52.3) ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.6% ตลาดประเมินอุปสงค์อ่อนแอหลังเปิดเผย PMI บริการที่ต่ำกว่าคาด ส่วนฝั่ง EU ส่วนใหญ่รายงาน PMI ที่ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์และบางรายการเข้าสู่ภาวะหดตัว

สัปดาห์นี้ประเมินปัจจัยที่ตลาดจะให้น้ำหนักได้แก่การประชุม FED ในวันที่ 26 – 27 หรือทราบผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ช่วงกลางคืนราว 1 นาฬิกาตามเวลาประเทศไทย ตลาดเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ด้วยความน่าจะเป็น 80% ซึ่งเราเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% น่าจะเพียงพอและมีแนวโน้มว่าหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมครั้งนี้การปรับขึ้นดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะเริ่มชะลอตัวลง หนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐฯมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในเดือนก่อนผลจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิดเริ่มอ่อนตัวลงมา ขณะที่ในวันศุกร์ประธาน FED เผยว่ามีแนวโน้มที่หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสิ้นเดือนนี้การเร่งขึ้นดอกเบี้ยจะชะลอตัวลงหรือในการประชุม ก.ย. จะเหลือขึ้นเพียง 0.5% ดังนั้นผลประชุม FED สัปดาห์นี้มีแนวโน้มจะออกมาเป็นบวกหรือเป็นกลางต่อตลาดหุ้นมากกว่าจะเป็นลบ หากจะเป็นลบคือต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ซึ่งมีความเป็นไปได้น้อย ส่วนการประกาศของ WHO ให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศมองว่าไม่ได้น่ากังวลเท่าใดนัก ด้วยการระบาดที่มิได้รวดเร็วเหมือน COVID-19 และการติดเชื้อระหว่างกันจะเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ต่างกับ COVID-19 แค่เพียงใกล้ชิดกันหรือรับประทานอาหารร่วมกันก็มีความเสี่ยงจะรับเชื้อ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ได้แก่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯในวันอังคาร Bloomberg ประเมินที่ 96.8 และวันศุกร์ตัวเลข Core PCE ของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินที่ 0.5%MoM สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวกรอบ 1540 – 1565 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังชอบกลุ่ม Bank (BBL KBANK KTB SCB) ค้าปลีก (BJC CPALL COM7 DOHOME HMPRO) Anti Commodity อาทิ (SCC SCGP TOA TASCO) รวมถึงโรงไฟฟ้า (BGRIM GULF GPSC)

DOHOME (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 22.00 บาท) ราคาหุ้น DOHOME ลดลง 24% YTD เชื่อว่าเป็นการสะท้อนปัจจัยลบระยะสั้น เช่น ผลกระทบจากเงินเฟ้อและคาดการณ์ว่าอัตรากำไรผลิตภัณฑ์จำพวกเหล็กจะลดลง YoY แต่ด้วยภาพรวมการเติบโตของกำไรในช่วงปี 2022-24 ที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง จึงปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ

KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174.00 บาท) คงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ 14% YoY สำหรับปี 2022 และ 10% YoY ในปี 2023 หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นและการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงเป็น 150bp ในปี 2022 และ 130bp ในปี 2023 เทียบกับ 173bp ในปี 2021

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp