จัดพอร์ตหุ้นเดือน ส.ค.

1051

 

มิติหุ้น-ภาพรวมตลาดหุ้นช่วงเดือน ส.ค.65 และตลอดช่วงครึ่งหลังปี 65 จะยังคงผันผวนสูง โดย “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” ประเมินว่าแรงกดดันตลาดหุ้นช่วงเดือน ส.ค. 65 จะมาจากปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะประเด็น “เงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง”  รวมถึงภาวะ “สงครามยูเครน-รัสเซีย” ที่ลากยาวต่อเนื่อง ยังเป็นผลที่ทำให้ “ราคาน้ำมัน” น่าจะทรงตัวในระดับสูงราว 100 เหรียญต่อบาร์เรลต่อไป นับว่าเป็นแรงกดดันสำคัญที่ฉุด “เศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว”

ขานรับรัฐเปิดประเทศ

ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตแข็งแรงกว่าฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว เพราะได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 และการเปิดประเทศเต็มรูปแบบหนุน “ภาคการท่องเที่ยว” ทยอยฟื้นตัว ดังนั้น “ทยอยสะสม” หุ้นพื้นฐานดี เช่นกลุ่ม Reopening Play ที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว

ด้าน “นายสุกิจ อุดมศิริ” กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) เผยว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เพราะกำไรของบจ.ในภาพรวมยังมีการเติบโตได้ดี โดยเฉพาะจากอานิสงส์การเปิดประเทศ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นในปี 65-66 พื้นฐาน SET ยังคงดีคาดว่า Earnings Per Share (EPS) เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ต่อปี กลุ่มที่ EPS ฟื้นตัวไปที่ระดับก่อนเกิด Covid-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มท่องเที่ยว เป็นต้น ดังนั้นปี 65 คาด SET อยู่ที่ 1,650 จุด

จัดพอร์ตหุ้นเด่นQ3/65

สำหรับหุ้นเด่นในช่วง Q3/65 โดยมองไปที่หุ้นมี Upside  เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ กลุ่มธนาคาร อาหาร ค้าปลีก และไฟแนนซ์  โดยแนะนำ “ซื้อ” BBL เป้าหมาย 163 บ. , BJC  เป้าหมาย 44 บ., CBG  เป้าหมาย 118  บ., CPF เป้าหมาย 30 บ. และ  MTC  เป้าหมาย  67 บ.

ขณะที่ “คุณเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส เผยว่า การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงเดือน ส.ค.หรือตลอดช่วงครึ่งปีหลัง เน้นศึกษาหุ้นก่อนเข้าลงทุน โดยแนะนำ จัดพอร์การลงทุน 100 % แบ่งเป็นหุ้นไทย 25%  หุ้นต่างประเทศ 30% ตราสารหนี้-พันธบัตร 15% ทางเลือกอื่นหรืออาจจะรวมถึงทอง 15% ส่วนที่เหลืออีก 15% ต้องมีเงินสดสำรอง

จับตาประชุมกนง. 

สำหรับตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า (1- 5 ส.ค.65) นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) คาดว่า Sideway ในกรอบแนวรับ 1550 จุด แนวต้าน 1600 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะเกิดในวันที่ 10 ส.ค.65

โดยเบื้องต้นคาดว่า กนง. อาจจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่ำ 0.25% ซึ่งจะเป็นจุดที่ทำให้ “ค่าเงินบาทชะลอการอ่อนค่า” ซึ่งจะเป็นแรงส่งที่ทำให้เห็น “เงินทุนเคลื่อนย้ายจากนักลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลกลับ” ส่วนหุ้นเด่นรอบสัปดาห์หน้า แนะนำ JMT, BE8, MINT, CBG

ด้าน “นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก หรือ GBS แนะนำ “ทยอยสะสม”  หุ้นมี 3 กลุ่มเด่น คือ 1. หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง.ขึ้นดอกเบี้ย และจากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลิกเพดานจ่ายปันผลและทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น  ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, KTB และ TISCO ,2. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากมติครม.ให้ยกเว้นภาษี VAT สำหรับผู้ประกอบการ Data Center ได้แก่ ICN, ITEL,MFEC และ INSET และ 3 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากความกังวลของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ได้แก่ BH, BDMS, CHG, BCH, PRINC และ WPH

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp