วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

66

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตัวเลขภาคการผลิตจีน-สหรัฐฯ อ่อนแอ

– ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 52.8 ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ในขณะเดียวกัน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนและยูโรโซนได้ปรับลดลงจนอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตอยู่ในภาวะหดตัว และอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันทั่วโลก

– ลิเบียปรับเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันดิบสู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิม 700,000 บาร์เรลต่อวัน หลังจากที่บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย (NOC) ยกเลิกเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ในแหล่งผลิตน้ำมันขนาดใหญ่หลายแห่ง ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบในตลาดปรับสูงขึ้น

+/- นักลงทุนจับตาทิศทางการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 ส.ค. 65 นี้ เนื่องจากสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้กลุ่ม “ผู้ผลิต” เพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด แต่มีรายงานว่าทางกลุ่มอาจคงการผลิต หรือเพิ่มปริมาณการผลิตเล็กน้อย  เนื่องจากข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตสำรอง (spare capacity)

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณการน้ำมันเบนซินส่งออกจากจีนมีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันยังคงถูกจำกัด เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินหน้าสถานียังอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียเตรียมปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคตึงตัวขึ้น หลังจากที่เลื่อนกำหนดการปิดมาจากเดือน เม.ย. รวมถึงอุปสงค์น้ำมันดีเซลในจีนที่ยังคงเบาบาง

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp