กระแส Digital Disruption กำลังมาแรงทั่วโลก ทำให้บริษัทและธุรกิจต่างๆต้องปรับตัวนำ Technology เข้ามาใช้ในการดำเนินงานหลักหลายๆอย่าง ทำให้กลุ่มหุ้น Technology และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Technology จะได้ประโยชน์ในระยะยาว แม้ประเทศไทยจะไม่มีหุ้นที่เป็น Technology ชั้นนำแบบสหรัฐฯ แต่ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุว่า นักลงทุนยังสามารถลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Technology เหล่านั้นได้เช่นการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Tech Consulting อย่าง BE8, BBIK และ IIG
อย่างก็ตามพบว่า แม้จะเป็นธุรกิจ Tech Consultant เหมือนกันแต่ โครงสร้างรายได้และจุด Focus ทำให้หุ้นแต่ละตัวมีความแตกต่างกัน มีจุดแข็งจุดอ่อนที่ไม่เหมือนกัน
BE8 – ท่าธุรกิจที่ปรึกษาด้าน End to End Digital Transformation ที่เน้นให้คำปรึกษาตั้งแต่การวาง กลยุทธ์ ดำเนินงานเชื่อมต่อระบบของบริษัท Tech nology ต่างๆเข้ากับระบบของลูกค้าไปจนถึงกลยุทธ์ ด้านการเติบโต โดยการใช้ Technology
จุดเด่นของ BE8 คือการเป็นบริษัทที่ได้รับเงินลงทุน จาก Salesforce Ventures และได้รับความน่าเชื่อ ถือจากบริษัท Technology ต่างประเทศอย่างยาว นาน โดยมีธุรกิจในหลากหลายประเทศเช่น มาเลเซีย ตุรกี เวียดนาม เกาหลีใต้ และบริษัทยังถือเป็นตัวแทน จําหน่าย Salesforce อันดับ 1 ในไทย และเป็นตัวแทน จำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในเวียดนามอีกด้วย
สัดส่วนรายได้ของ BE8
รายได้จากการให้คาปรึกษา 60%
รายได้จากการให้บริการ Technology 40%
BBIK – ทำธุรกิจที่ปรึกษาด้าน End to End Digital Transformation ลักษณะคล้าย BE8 แต่มีความแตก ต่างตรงที่ BBIK เป็นหุ้นที่มีความครอบคลุมธุรกิจ และการให้บริการสูงที่สุดเพราะให้คำปรึกษาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลยุทธ์ การตลาด การขาย การจัดการ โดยใช้ Technology เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ กับลูกค้า คล้ายกับ One-Stop Serviceในด้านของ การทำ Digital Transformation
BBIK มีจุดอ่อนคือรายได้ประจำมีน้อยกว่าทั้ง BE8 และ IIG จึงทำให้อาจมีการเติบโตที่ผันผวน มากกว่า แต่ถ้านักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นที่ เป็น Consultant เน้นๆ BBIK จะมีความตอบ โจทย์มากกว่า
สัดส่วนรายได้ของ BBIK
• รายได้จากการให้คำปรึกษา 26%
• รายได้จากงานพัฒนาระบบ Digital 62%
•การบริหารงัดการ Project เชิงกลยุทธ์ 7%
• รายได้จากกลุ่ม Advanced Analytic & AI 5%
IIG – ท่าธุรกิจที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation โดยเน้นไปที่ระบบ ERP CRM และการให้ค่าปรึกษาการ วางกลยุทธ์ และการจัดการบุคลากรสำหรับงาน IT หุ้น IIG จะมี Scope การทํางานที่เล็กกว่าของ BE8 และ BBIK โดยเน้นหนักไปที่ระบบ CRM และ ERP
ความแตกต่างของ IIG กับหุ้นตัวอื่นๆคือการเป็นหุ้นที่อิง กับ Salesforce เป็นหลักเพราะมีรายได้จาก Salesforce สูงถึง 50%
ส่วน BE8 และ IIG เป็นหุ้นที่มีรายได้ประจำค่อนข้างสูง ประมาณ 40% ทําให้ความผันผวนจองรายได้ในอนาคตมีน้อยกว่า BBIK ที่ส่วนใหญ่มักจะเป็นรายได้จากการให้ค่าปรึกษา เป็นหลัก
นอกจากประเภทของรายได้แล้วก็จะมีการเติบโตที่นักลง ทุนต้องติดตาม เพราะธุรกิจ Tech Consulting เป็น ธุรกิจที่มีค่าพนักงานเป็นต้นทุนคงที่ ยิ่งมีรายได้มากเท่า โหร่โดยที่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ยิ่งทำให้กำไร เติบโตเร็วขึ้น
โดยการเติบโตของรายได้ใน 1Q22 ดังนี้
BER 42%
BBIK 123%
IIG 47%
มูลค่าของ Backlog ใน 1Q22
.BE8 564 ล้านบาท
•BBIK 458 ล้านบาท
•IIG 422 ล้านบาท
นอกจากนี้ แม้หุ้น Tech Consulting ทั้ง 3 จะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่ อัตราการทำกำไรของทั้ง 3 ค่อนข้างแตกต่างกัน ด้วย ประเภทของรายได้ สินค้าและบริการที่แตกต่างกัน
อัตรากำไรขั้นต้น 1Q22
BBIK 59.57%
BE8 44.83%
IIG 27.75%
ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ 1Q22
• BBIK 25.20%
.BE8 19.20%
•IIG 12.35%
โดย BBIK เป็นหุ้นที่มีอัตราการทำกำไรสูงสุดจากรายได้ส่วนใหญ่เป็นการให้ค่าปรึกษา และ IIG มีอัตราการทำกําไรต่ำสุดเพราะรายได้มาจากการเป็นตัวแทนจําหน่าย เป็นหลัก โดยมีรายได้จากการให้ค่าปรึกษาน้อยกว่า BBIK
ส่วนกลยุทธ์การเติบโตพบว่า BE8 ได้มีการเข้าซื้อกิจการของบริษัท เอคซ์เทนด์ ไอที รีซอร์ส จํากัด (X10) ซึ่งเป็นตัวแทนจําหน่ายอันดับ 1 ใน Asean จอง MuleSoft นอกจากจะทำให้รายได้มอง บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้ฐานลูกค้าของบริษัท ใหม่และยังได้ทีมงานมาเสริมด้วย ทําให้ BE8 มีโอกาส ในการรับงานได้มากขึ้นในอนาคต
นักลงทุนสามารถทําความเข้าใจรูปแบบธุรกิจของแต่ละบริษัทได้ เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้สามารถประเมินศักยภาพทางการ แข่งขัน และการเติบโตได้แม่นยำมากขึ้น ทำให้สามารถลงทุนเติบโตไปกับเทรนด์ Digital Transformation ได้ผลตอบแทนที่คาดหวังตามการเติบโตระยะยาว
@mitihoonwealth