มิติหุ้น – L&E ยิ้มรับผลงาน Q2/65 สดใส มีกำไรพุ่ง 119% มีรายได้จากการขายและให้บริการ 826 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% หนุนครึ่งปีแรกผลประกอบการได้แรงส่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดยอดขายโต 2 Digits หลังกอด backlog ในมือแน่นถึง 1,200 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ และการเปิดตัวธุรกิจใหม่ “L&E Beyond” บุกตลาด Entertainment Technology จําหน่ายและให้บริการระบบแสง-เสียง-ภาพ สําหรับธุรกิจบันเทิง จะเข้ามาเสริมแกร่งรายได้โตจากปีก่อน 10-15%
นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้า รวมทั้งอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 คาดว่ายอดขายจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากงานในมือ (backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด ขณะที่กำลังซื้อจากผู้ประกอบการต่าง ๆ เริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้านมาตรการป้องกันโควิดที่ผ่อนคลายจากภาครัฐ พร้อมเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และวางยอดขายของบริษัทในปีนี้คาดจะเติบโตราว 10-15% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับภาพรวมสถานการณ์ในประเทศยังเติบโตดี แม้ปัจจัยกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่ อีกทั้ง มีแรงกดดันจากต้นทุนสินค้า วัตถุดิบนำเข้า อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าลง แต่ยอดขายงานโครงการซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้สำคัญของ L&E ยังคงปรับตัวดีขึ้น โดยผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามีการปรับปรุงและเปิดตัวโครงการใหม่ มองว่าในช่วงหลังจากนี้ ทิศทางอุตสาหกรรมและการประมูลงานในประเทศจะกลับมามีปริมาณที่สูงขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทฯ ให้เร่งเดินหน้าเติม Backlog ในอนาคต ส่วนงานในต่างประเทศ ยังคงต้องจับตา ด้วยเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ส่อแววมีความเสี่ยง ได้รับผลกระทบทางลบจากสงครามยูเครนและสภาพเงินเฟ้อในประเทศที่สูงขึ้น อาจจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ล่าสุดบริษัทฯ ได้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ ภายใต้ชื่อ “L&E Beyond” เพื่อดําเนินธุรกิจจําหน่ายและให้บริการงานโปรดักชั่น (Production Solution Provider) แบบครบวงจร ให้บริการทั้งระบบแสง เสียง ภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยกลุ่ม Entertainment Tech แก่ธุรกิจด้านบันเทิง อาทิ งานละคร งานถ่ายรายการโทรทัศน์ งานถ่ายทํา Music Video งานคอนเสิร์ต งานนิทรรศการแบบครบวงจร ต่อยอดจุดแกร่งของบริษัทฯ ที่เป็นผู้นําบริการแสงสว่างมาตรฐานสากลครบวงจร (Total Lighting Solution Provider) และมีโรงงานผลิตโคมไฟและหลอดไฟคุณภาพสูงสําหรับงานโครงการอยู่แล้ว ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจใหม่จะเป็นอีกช่องทางที่จะสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมภาพลักษณ์ไปสู่ tech company ตอบรับ องค์กรสำหรับศตวรรษที่ 21
“ประเมินว่าธุรกิจบันเทิงมีโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง Post-COVID-19 สังเกตได้จากความต้องการใช้งานระบบไฟสําหรับงานโปรดักชั่นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 สนับสนุนให้ยอดขายในกลุ่มดังกล่าวเติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 โดย L&E ให้บริการจอภาพ LED แก่กลุ่มลูกค้ารีเทลรายใหญ่จํานวนมาก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจระบบเสียงคุณภาพ รวมไปถึงยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรเรียนรู้ และร่วมงานกับบริษัทเทคโนโลยีสื่อบันเทิงที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา เมื่อผนึกความแข็งแกร่งของทุกระบบเข้าด้วยกัน เราจึงมองเห็นโอกาสอันดีที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่เพื่อให้บริการแบบครบวงจร เติมเต็มระบบนิเวศหรืออีโคซิสเทมของการบริการงานระบบในธุรกิจบันเทิง พร้อมทั้งช่วยยกระดับ มาตรฐานคุณภาพงานบันเทิงไทยให้สูงขึ้นด้วยเทคโนโลยี” นายอนันต์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 826 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 197 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการของงานโครงการเพิ่มขึ้น 145 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45% และงานขายส่ง/ขายปลีกเพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7% ส่วนงานขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% การเพิ่มขึ้นของรายได้จากงานขายโครงการ และงานขายส่ง/ขายปลีก เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบงานของหลายโครงการจากปีที่แล้วมาเป็นไตรมาส 2 ปีนี้ รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เริ่มปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ ส่งผลให้มีการขยายหรือปรับปรุงกิจการเพิ่มมากขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้นของงานขายต่างประเทศ เป็นผลจากรายได้จากการขายสินค้าไปให้ลูกค้าปลายทางที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 61 ล้านบาท
บริษัทฯ มีผลกำไรสำหรับงวด 10.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 119% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 31.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% เป็นผลจากรายได้จากการขายและให้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% แต่อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวลดลงจาก 26.9% ในปี 2564 เป็น 24.3% ในปี 2565 สาเหตุสำคัญมาจากต้นทุนสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะวัตถุดิบและค่าระวางสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย ในขณะที่บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคาขายของงานโครงการส่วนใหญ่ได้ เพราะเป็นราคาที่ได้ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย รวมทั้งในไตรมาสนี้ บริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 27.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 16% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามผลการดำเนินงาน และค่าเสื่อมราคา/ค่าบริการคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นจากการนำเอาระบบ ERP ของ SAP มาใช้ รวมถึงค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากจากยอดขายที่สูงขึ้นและค่าน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นเพราะยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย และภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 1.2 ล้านบาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp