มิติหุ้น – บมจ.แอดเทค ฮับ (“ADD”) โชว์งบ 6 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวมจากการให้บริการ 190.09 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 34.87 ล้านบาท ลดลง 31.72% จากภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าจะมีการบุ๊กส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน 7C ตามสัดส่วนการถือหุ้น 46.7337% ก็ตาม ด้าน CFO “สมโภช ทนุตันติวงศ์” ย้ำครึ่งปีหลังภาพรวมธุรกิจฟื้นตัว ลุยศึกษาลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ หวังขยายการลงทุน สอดรับกำไรจากการลงทุนในอนาคตเพิ่ม ดันภาพรวมธุรกิจในอนาคตเติบโตอย่างมั่นคง ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลงวดไตรมาส 2/2565 อัตราหุ้นละ 0.11 บาท /หุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 ส.ค.นี้ เพื่อจ่ายวันที่ 9 ก.ย. 65
บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ (“ADD”) ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 34.87 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการให้บริการรวม 190.09 ล้านบาท จากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ประสบกับภาวะเงินเฟ้อทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง กระทบต่อการให้บริการของบริษัท ถึงแม้ว่าจะมีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (“7C”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่ ADD ถือหุ้น 46.7337% จำนวน 2.89 ล้านบาทเข้ามาเสริมแล้วก็ตาม
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม เท่ากับ 79.61 ล้านบาท ลดลง 48.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 37.82 เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่มีรายได้ 128.03 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 13.64 ล้านบาท ลดลง 10.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 44.34 เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.50 ล้านบาท
ขณะที่ฐานะการเงินของบริษัทฯยังคงแข็งแกร่ง โดย ณ งวด 6 เดือนแรกมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 642.23 ล้านบาท โดยแทบไม่มีหนี้สินที่มีต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.11 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 23 ส.ค. 2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิเงินปันผล (XD) วันที่ 22 ส.ค. 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ก.ย.นี้
นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.แอดเทค ฮับ (“ADD”) เปิดเผยว่า การบริหารงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความท้าทายกับทางบริษัทฯเป็นอย่างมาก ดังนั้นบริษัทฯจึงเร่งหากลยุทธ์ขยายช่องทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในการต่อยอดทางธุรกิจ ภายใต้การนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัล (Digital Transformation) ไปใช้กับองค์กรของกลุ่มพันธมิตรที่ให้ความสนใจร่วมทุนกับบริษัทฯ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ซึ่งผลจากการลงทุนในบริษัท เซเว่น คอนเนค แอดไวซอรี่ จำกัด (“7C”) แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการต่อยอดการให้บริการ ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรเข้ามา 2.89 ล้านบาท
ดังนั้น จากความสำเร็จในการขยายช่องทางลงทุนในรูปแบบดังกล่าว บริษัทฯจึงเร่งศึกษาแผนการลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง สำหรับรองรับการให้บริการทั้งกลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Operator) และกลุ่มธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้การนำเทคโนโลยีที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญไปใช้กับองค์กรกลุ่มพันธมิตรในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การสร้างโอกาสการเติบโตในอนาคต
“แนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีจากการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ประกอบกับกลุ่ม Operator เริ่มมีการแข่งขันในการวางกลยุทธ์ทางการตลาด โดยการออกแคมเปญใหม่ ๆ ผ่านการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการใช้งานบนฐานลูกค้าเดิม และขยายสัดส่วนฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อสอดรับการต่อยอด Core Business”
ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 ของกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย 1.การให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม ในไตรมาส 2/2565 รายได้จากการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม มีจำนวน 66.28 ล้านบาท ลดลง 43.16 ล้านบาท หรือลดลง 39.44% เนื่องจากผู้ใช้บริการมีการใช้จ่ายเพื่อใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์โดยเฉลี่ยลดลง จากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ประกอบกับความกังวลของผู้ใช้บริการที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อในอนาคต จึงทำให้ผู้ใช้บริการมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่กำไรขั้นต้น มีจำนวน 18.58 ล้านบาท ลดลงจำนวน 10.99 ล้านบาท หรือลดลง 37.17% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 28.03% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 27.02%
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 รายได้จากการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม มีจำนวน 157.66 ล้านบาท ลดลงจำนวน 68.36 ล้านบาท หรือลดลง 30.24% ในขณะที่กำไรขั้นต้นมีจำนวน 42.06 ล้านบาท ลดลงจำนวน 19.14 ล้านบาท หรือลดลง 31.27% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 26.68% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 27.08%
2.การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในไตรมาส 2/2565 รายได้จากการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีจำนวน 13.15 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2/2564 จำนวน 5.35 ล้านบาท หรือลดลง 28.92% เนื่องจากการลดลงของจำนวนยอดการใช้จ่ายของผู้ใช้บริการผ่านระบบที่บริษัทฯมีการให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 4.88 ล้านบาท ลดลงจำนวน 6.51 ล้านบาท หรือลดลง 57.15% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 37.11% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 61.56% โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับปริมาณและขอบเขตการให้บริการที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งในส่วนของบริษัทฯและลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 รายได้จากการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีจำนวน 31.95 ล้านบาท ลดลง 4.63 ล้านบาท หรือลดลง 12.65% และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 15.30 ล้านบาท ลดลงจำนวน 7.73 ล้านบาท หรือลดลง 33.58% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 47.89% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 62.98%
3.การให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการ ในไตรมาส 2/2565 รายได้จากการให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการ มีจำนวน 0.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2564 จำนวน 0.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 95.44% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และมีขาดทุนขั้นต้นจำนวน 0.52 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานซึ่งเป็นต้นทุนคงที่ ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2565 รายได้จากการให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการ มีจำนวน 0.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 0.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 156.45% และมีขาดทุนขั้นต้นจำนวน 0.94 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีขาดทุนขั้นต้นจำนวน 1.16 ล้านบาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp