DMT โชว์กำไร Q2/65 โตแรง! 195% หลังรายได้ค่าผ่านทางพุ่ง ปักธงรายได้ปีนี้โต 50% แตะ 1.9 พันลบ. บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.10 บาท

84

มิติหุ้น – บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง (DMT) เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2565 กำไรสุทธิพุ่งแตะ 186.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 195% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน มีรายได้ค่าผ่านทาง 423.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณจราจรบนทางยกระดับโตและไม่มีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย ต้นทุนทางการเงินลด พร้อมกันนี้บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 สิงหาคม 2565  “ธานินทร์ พานิชชีวะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจรายได้ค่าผ่านทางในปีนี้เข้าเป้าอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% หลังปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในการเดินทางเข้าประเทศ

นายธานินทร์ พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT)  เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 423.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 171.60 ล้านบาทหรือ 68% จากปริมาณจราจรบนทางยกระดับที่เพิ่มขึ้น 65% ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 187.99 ล้านบาท หรือ 158% เนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานลดลง มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 186.23 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 123.08 ล้านบาท หรือ 195% เนื่องมาจากในไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ ไม่มีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ย อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2565 อยู่ที่ 0.07 เท่า

สรุปภาพรวมปริมาณจราจรของทางยกระดับดอนเมือง ไตรมาสที่ 2/2565 ส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ยต่อวัน 48,208 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือ เฉลี่ยต่อวัน 31,279 คันต่อวัน เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ ไตรมาสที่ 1/2565 ที่มีปริมาณจราจรส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ย 40,539 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือเฉลี่ย 27,621 คันต่อวัน คิดเป็นเพิ่มขึ้นที่ 18.9% และ 13.2% ตามลำดับ โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2564 ช่วงเริ่มต้นของการระบาดระลอกใหม่เดือนเมษายน 2564 มีปริมาณจราจร ส่วนสัมปทานเดิมเฉลี่ย 27,897 คันต่อวัน ส่วนสัมปทานตอนต่อขยายด้านทิศเหนือเฉลี่ย 20,254 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นที่ 72.8% และ 54.4% ตามลำดับ

“ปัจจัยบวกในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของรัฐบาลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา การเปิดภาคเรียน Onsite และการปรับลดมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยว ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โครงการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งบริษัทฯ ได้มีการเปิดใช้ระบบเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติ (Electronic Toll Collection System) เพื่อให้ผู้ใช้บริการทางยกระดับได้รับความสะดวกรวดเร็ว และให้ความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้านความปลอดภัยที่บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา เป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ปริมาณการจราจรในไตรมาส 2/2565 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2565 ในอัตรา 16.6% และเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2564 เพิ่มขึ้นในอัตรา 65.1% เนื่องจากในไตรมาสที่ 2/2565 ไม่มีมาตรการการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19”  นายธานินทร์ กล่าว

สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ  330.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 124.19 ล้านบาท หรือ 60% และมีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 778.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 143.62 ล้านบาท หรือ 23% โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตอย่างโดดเด่นมาจากรายได้ค่าผ่านทางที่เพิ่มขึ้น และบริษัทฯ สามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่าย (ไม่รวมต้นทุนการตัดจ่ายสัมปทานและภาษีเงินได้นิติบุคคล) ได้เป็นจำนวน 52.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.7% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกในปี 2564 ต้นทุนทางการเงินปรับลดลงเป็นจำนวน 20.19 ล้านบาทจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวกับสถาบันการเงินครบทั้งจำนวนในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181.23 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นปัจจุบันเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 118.12 ล้านบาท  โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2565

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ค่าผ่านทางในปีนี้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.25 ล้านบาทต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปีก่อนที่มีรายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท  เนื่องจากประเมินแนวโน้มปริมาณจราจรในไตรมาสถัดไป และคาดการณ์ปี 2565 ว่าปริมาณจราจรยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยบวกที่ภาครัฐสร้างความมั่นใจให้เกิดกิจกรรมการเดินทาง โดยการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางเข้าประเทศ การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งการเดินทางจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ และทุกภาคส่วนก็มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับการระบาดของโควิด-19 ในระยะต่อไป และปัจจัยบวกที่ยังคงต้องติดตามคือการเติบโตที่เกิดจากการเดินทางของสนามบินดอนเมือง ถ้าหากภาครัฐเปิดให้สายการบินระหว่างประเทศกลับมาบินที่สนามบินดอนเมือง ก็จะทำให้ปริมาณจราจรบนทางยกระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับความคืบหน้าการร่วมประมูล 3 โครงการคือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ดอนเมืองโทล์ลเวย์ ช่วงรังสิต – บางปะอิน (M5) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางขุนเทียน – บ้านแพ้ว (M82) และโครงการทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วม เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 โดย กทพ. ได้ดำเนินการประเมินความสนใจของนักลงทุน (Opinion Hearing) โครงการทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง ครั้งที่ 1 เพื่อนำไปประกอบการจัดทำสาระสำคัญของร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน เป็นไปตามขั้นตอนพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 คาดว่าจะจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2565 และเดือนมีนาคม 2566

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp