มิติหุ้น-OR โดยบล.แอลเอช ระบุว่า กำไร Q2/65 ที่ 6.6 พันลบ. (+71%QoQ, +104%YoY) และ EBITDA ที่ 1.0 หมื่นลบ. (+58%QoQ, +88%YoY) ดีกว่าตลาดคาด จากรายได้เพิ่มขึ้น +19%QoQ, +78%YoY เติบโตดีในทุกธุรกิจ ปริมาณขายน้ำมันภาพรวมเติบโต +2%QoQ, +24%YoY เป็น 6,859 ล้านลิตร ด้วยแรงหนุนจากยอดขายน้ำมัน Jet ตามการเดินทางทางอากาศเพิ่มขึ้น และยอดขายผ่านสถานบริการน้ำมันตามการเดินทางส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นจากฤดูกาลท่องเที่ยวและราคาขายดีเซลที่ต่ำกว่าแบรนด์อื่น
นอกจากนั้น Marketing Margin เพิ่มมากเป็น 1.61 บ./ลิตร (1Q65 : 1.14 บ., 2Q64 : 1.23 บ.) จากน้ำมันดีเซลที่บริหารต้นทุนได้ดีในช่วงน้ำมันขาขึ้น น้ำมัน Jet จากโครงสร้างสูตรราคาขายที่อิงราคาน้ำมันเป็นบวกมากขึ้น และมีกำไรจากสต๊อกเนื่องจากมีต้นทุนน้ำมันเก่าในน้ำมันคงคลัง ทางด้านธุรกิจ Lifestyle ก็เติบโตดีเช่นกัน EBITDA +8%QoQ, +31%YoY จากยอดขายกาแฟ 91 ล้านแก้ว (+10%QoQ, +30%YoY) OR มุ่งเน้นบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนั้น ธุรกิจ Global ก็เติบโตสูง โดยปริมาณขายน้ำมันเติบโตดีที่ฟิลิปปินส์ และยอดขายกาแฟเติบโตดีทุกประเทศ (ฟิลิปปินส์, ลาว, กัมพูชา)
ฝ่ายวิจัยฯคาดว่าทิศทางกำไร 3Q65F จะอ่อนลง QoQ เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงทำให้น่าจะมีน้ำมันต้นทุนสูงอยู่ในน้ำมันคงคลังซึ่งกระทบ Marketing Margin ให้ลดลงจากระดับที่สูงมาก รวมถึงปริมาณขายลดลงตามฤดูฝน อย่างไรก็ตาม กำไรจะเติบโตสูง YoY เนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนเป็นช่วงล็อกดาวน์เข้มข้นทำให้ยอดขายน้ำมันและค้าปลีกอยู่ระดับต่ำ รวมถึง Marketing Margin ไม่สูง OR ได้เพิ่มงบ CAPEX ในปีนี้จากเดิม 2.7 หมื่นลบ. เป็น 4.0 หมื่นลบ. โดยเฉพาะในธุรกิจ Lifestyle เพิ่มจาก 6.9 พันลบ. เป็น 2.2 หมื่นลบ. ทำให้คาดเห็นดีล M&A ใหม่ๆ ต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”
@mitihoonwealth