มิติหุ้น – BEAUTY เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 รายได้รวม 193.3 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 28.7 ล้านบาท ลดลง 42.9 % คาดครึ่งปีหลังพลิกมีกำไร แนวโน้มครึ่งปีหลังธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ยอดขายทั้งในและต่างประเทศทยอยฟื้นทุกช่องทางจำหน่าย เดินหน้าพัฒนาช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ บุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ปั๊มยอดขาย
ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 65 ยังมีคงผลขาดทุน แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยผลประกอบการทยอยขาดทุนลดลง จากกลยุทธ์ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ และการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด
อาทิ การปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ให้มีความหลากหลาย เข้าถึงง่าย , การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ (Refresh Branding) , การปรับปรุงและพัฒนารูปแบบร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET ใหม่ให้มีความทันสมัย , การขยายช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ และการลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร คาดว่าผลประกอบการของบริษัท จะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง 2565
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 บริษัทมีรายได้รวม 193.3 ล้านบาท ลดลง 11.6 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 219.2 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 28.7 ล้านบาท ลดลง 42.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 50.3 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้รวม 81.0 ล้านบาท ลดลง 0.9 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 81.7 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 25.8 ล้านบาท ลดลง 26.6 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 35.2 ล้านบาท
ผลขาดทุนที่ลดลงเป็นผลจากการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมด ขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รายได้ของบริษัทหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากระบบการค้าในประเทศและต่างประเทศยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น
ดร.พีระพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง ว่า การปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์และร้าน BEAUTY BUFFET รูปแบบใหม่ มีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายทุกช่องทางในประเทศมีทิศทางดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนพัฒนาช่องทางจำหน่ายรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้น
โดยร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET SHOP อยู่ระหว่างปรับปรุงและตกแต่งร้านรูปแบบใหม่ ให้มีความทันสมัย ตามแผนการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ (Refresh Branding) ซึ่งแล้วเสร็จไปแล้วจำนวน 4 สาขา คาดว่าจะทยอยปรับปรุงอีก 6 สาขาให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
อีกทั้งบริษัทได้พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re Model) ขายลิขสิทธิ์ Shop License ให้กับตัวแทนจำหน่ายที่มีความสนใจเปิดร้าน BEAUTY BUFFET ในประเทศ ซึ่งจะมุ่งเน้นทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งชุมชน โดยได้เปิดสาขาแรก ซ.อารีย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้าขาย Shop License 10 สาขาทั่วประเทศในปีนี้ และเตรียมเปิดจุดจำหน่ายเครื่องสำอาง GINO McCRAY 16 แห่ง ในร้านค้าพันธมิตร EVEANDBOY
ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 13 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง ไตหวัน อินโดนีเซีย กัมพูชา เวียดนาม พม่า ลาว มาลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น ยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าวทยอยฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งบริษัทมีแผนการตลาดกระตุ้นยอดจำหน่าย โดยเฉพาะในประเทศจีน โดยเพิ่มรายการสินค้า Product license อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีทั้งสิ้น 27 รายการสินค้า พร้อมทั้งมีแผนขยายตลาดในประเทศอื่นๆ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย กลุ่มประเทศในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และกำลังซื้อที่ชะลอตัวจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น บริษัทก็เชื่อมั่นว่า จากการปรับตัวในทุกมิติ จะทำให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp