TCMC โชว์ผลกำไรและรายได้ Q2/2565 เติบโต มั่นใจครึ่งปีหลังรายได้โตเข้าเป้า

137

มิติหุ้น  –  นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  (TCMC)  เปิดเผย ถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาสที่ ของปี 2565 มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 2,384.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,746.99 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.49 และมี EBITDA จำนวน 124.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 53.95 ส่งผลให้มีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 6.38 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 37.70 ล้านบาท 

ปัจจัยของการเติบโตและผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี เป็นผลจากตลาดที่เริ่มฟื้นกลับมาหลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยเฉพาะการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในประเทศจากการปลดล็อกการเดินทางเข้าประเทศ ที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยกว่า ล้านคนในปีนี้ และต่างประเทศ ที่สายการบินระหว่างประเทศต่างๆ กลับมาให้บริการเป็นปกติ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มวัสดุปูพื้นเติบโตตามตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ รวมถึงความพยายามในการเปิดตลาดใหม่ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเริ่มส่งผล อย่างไรก็ตามยังคงต้องจับตาดูกับปัจจัยท้าทายทั้งจากต้นทุนวัตถุดิบ และค่าขนส่งที่สูงขึ้นต่อเนื่อง อันเป็นผลจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย รวมถึงสถานการณ์ตลาดที่บางส่วนยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ และกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ส่งผลโดยตรงต่อกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ ของบริษัท” นางสาวปิยพร กล่าว

            ยอดขาย Q2/2565 กลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้นและเฟอร์นิเจอร์โตสดใส

การฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม รวมถึงการพยายามเปิดตลาดใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มวัสดุปูพื้น (TCM Flooring) มีรายได้ในไตรมาสที่สอง เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 33.70 มีมูลค่า 492.11  ล้านบาท แม้จะยังไม่สามารถกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม เนื่องจากราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่สูงขึ้น ทำให้กลุ่มธุรกิจมีต้นทุนเพิ่มในภาพรวม ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) สามารถทำยอดขายได้ดี จากความต้องการซื้อที่ยังคงสูงอยู่ในหลายตลาด แต่ในส่วนต้นทุนวัตถุดิบยังคงมีราคาสูง ทั้งจากเรื่องอัตราเงินเฟ้อทั่วโลก การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และแรงงานขนส่ง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริหารจัดการเรื่องต้นทุนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมการให้พร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ส่งผลให้กลุ่มมีรายได้ 1,711.73 สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41.60

               

ทางด้านกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนชิพประมวลผล ที่สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงในไตรมาสสองเป็นช่วง low season ของธุรกิจ  แต่ยังสามารถทำรายได้สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.25 โดยมียอดขาย 180.70 ล้านบาท ผลกำไรสุทธิ 10.72 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากสัดส่วนรายได้จากสินค้าที่มีต้นทุนสูงมีสัดส่วนสูงกว่าสินค้าอื่นๆ

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ ของปีนี้ กลุ่มบริษัทยังคงมีสภาพคล่องในการชำระหนี้ค่าสินค้าและมีความระมัดระวังในการให้เครดิตกับลูกค้ามากขึ้น มีการรักษาเครดิตที่ได้รับจาก Supplier โดยมีอัตราหมุนเวียนเจ้าหนี้การค้าอยู่ที่ 4.81 เท่า ดีขึ้นกว่าปีก่อนที่ 4.46 เท่า และมีการระบายสินค้าคงคลัง เพื่อลดปริมาณการผลิตสินค้าไว้เป็นสต๊อค ทำให้มีอัตราหมุนเวียนสินค้าคงคลังอยู่ที่ 8.10 เท่า สูงกว่าปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 7.12 เท่า อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2.28 เท่า เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 2.17 เท่า เนื่องจากในปี 2565 กลุ่มบริษัทโดยรวมมีการผลิตและจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้นจึงทำให้มีเจ้าหนี้การค้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน อัตราตอบแทนผู้ถือหุ้น อัตราตอบแทนจากสินทรัพย์ อัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผลประกอบการโดยรวมของกลุ่มบริษัทดีขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของทีซีเอ็มซี กล่าวเสริมว่า จากการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทและพนักงาน บุคลากรทุกคนได้พยายามอย่างเต็มที่ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างราบรื่นก้าวพ้นอุปสรรค ความเปลี่ยนแปลงและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และสร้างผลกำไรให้บริษัทและผู้ถือหุ้น โดยในครึ่งปีหลังบริษัทมุ่งมั่นที่จะขยายทั้งตลาดส่งออก และตลาดในประเทศ เข้าสู่ตลาดใหม่ตามแผนการดำเนินธุรกิจที่ได้วางไว้ ในส่วนของตลาดเก่าบริษัทก็ยังคงให้ความสำคัญตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ แม้จะกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนที่สูงขึ้น แต่ทางกลุ่มธุรกิจของเราก็ยังคงมั่นใจที่จะออกสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าอย่างครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการพัฒนาสู่ความยั่งยืน ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยบริษัทอยู่ในกระบวนการจัดเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กร NET ZERO ทั้งนี้ TCMC เชื่อมั่นว่ากลุ่มบริษัทจะสร้างรายได้ที่เติบโตและสร้างผลกำไรให้บริษัทและผู้ถือหุ้น ในช่วงครึ่งหลังของปีอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการผลิต มองหาโอกาส และมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งสู่การเป็นองค์กรชั้นนำระดับโลกที่พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp