ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ ดีขึ้น ท่ามกลางความเสี่ยงอุปทานตึงตัว
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังตลาดคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างดี โดยจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งใหม่ ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า
+ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งใหม่ ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 250,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 265,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวอยู่สูงกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ
+ ตลาดได้รับแรงหนุนจาก การห้ามการส่งออกน้ำมันของรัสเซียโดยสหภาพยุโรป ซึ่งอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้นอย่างมากและส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์จาก BCA Consultant กล่าวว่า การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปจะบังคับให้การผลิตน้ำมันของรัสเซียต้องปิดตัวลงประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นปี 65 และเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 66 อย่างไรก็ดี รัสเซียคาดการณ์ว่าการผลิตและการส่งออกน้ำมันจะเพิ่มขึ้นจนถึงสิ้นปี 68
+ Haitham Al Ghais เลขาธิการคนใหม่ของ OPEC กล่าวว่าการลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซที่ไม่เพียงพอ หลังจากที่ราคาน้ำมันตกต่ำในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กำลังการผลิตสำรองของ OPEC ลดลงอย่างมาก และจำกัดความสามารถของกลุ่มในการตอบสนองต่อสถานการณ์อุปทานที่ตึงตัว
ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดว่าปริมาณการส่งออกน้ำมันเบนซินของจีนจะปรับตัวลดลงในเดือน ก.ย.65 อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจาก ปริมาณสต๊อกน้ำมันเบนซินในซาอุฯ ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากศรีลังกา แอฟริกาใต้ ในขณะเดียวกัน ราคายังได้รับแรงหนุนจากสต๊อกน้ำมันดีเซลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า
หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp