วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

85

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ ยุติการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน

+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับเพิ่ม หลังสหรัฐฯ จะไม่พิจารณาข้อเรียกร้องเพิ่มเติมแก่อิหร่านตามข้อเสนอที่ถูกร่างโดยยุโรป ในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่สามารถบรรลุผลได้ ซึ่งส่งผลให้การกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้งของอิหร่านยังไม่แน่ชัด

+ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ประกาศตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ส.ค. 65 ปรับลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล  สู่ระดับที่ 421.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะลดลงเพียง 0.933 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินปรับลดลง 0.027 ล้านบาร์เรล สู่ระดับที่ 215.6 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันดีเซลปรับลดลง 0.661 ล้านบาร์เรล สู่ระดับที่ 111.6 ล้านบาร์เรล

+ ตลาดกังวลอุปทานก๊าซตึงตัว หลังบริษัท Gazprom ยังคงหยุดส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังประเทศในยุโรป ที่ไม่ยอมชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุล rubles ในช่วงที่ผ่านมา และปรับลดการส่งออกไปยังเยอรมนีผ่านทางท่อ Nord Stream 1 ลงเหลือ 20% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ส่งผลให้ราคาก๊าซในยุโรปปรับตัวสูงขึ้นมาก หนุนให้ผู้บริโภคหันมาใช้น้ำมันแทนก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น (gas-to-oil switching)

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานจากหลายโรงกลั่นปรับเพิ่มขึ้นในเดือนส.ค. 65 อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับดี หลังศรีลังกาเร่งนำเข้าน้ำมันเบนซินกว่า 300,000 บาร์เรลเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ในประเทศ

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากปริมาณการส่งออกในภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานในยุโรปยังคงตึงตัว จากการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย โดยยุโรปหันมานำเข้าจากฝั่งเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นแทน

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp