วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

264

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังสหรัฐฯ เลี่ยงการประท้วงหยุดงานของพนักงานรถไฟได้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มเสี่ยงจะถดถอย

–  ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลดลงหลังประธานาธิบดี โจ ไบเดน เจรจาข้อตกลงเบื้องต้นกับพนักงานการรถไฟเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดดำเนินการขนส่งอาหารและพลังงานต่างๆ และการประท้วงที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ (16 ก.ย. 65) เพื่อเรียกร้องให้มีการขึ้นค่าแรงและปรับปรุงสวัสดิการแรงงานได้ ซึ่งหากมีการประท้วงและหยุดส่งสินค้าจริง อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เสียหายมากถึง 2 พันล้านเหรียญฯ ต่อวัน อย่างไรก็ดี กลุ่มแรงงานการรถไฟยอมที่จะไม่จัดการประท้วงในวันนี้ แต่ยังคงต้องพิจารณาหารือรายละเอียดของข้อเสนอต่างๆ ต่อไป

– กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงด้านลบในไตรมาส 3/65 นี้ และคาดว่าบางประเทศอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน การใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีน ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อแรงซื้อในตลาดน้ำมันเช่นกัน

– สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกยังมีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปีนี้ จากความกังวลด้านเศรษฐกิจโลก ขณะที่ ตลาดคาดยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องจับตามองว่าส่งผลต่อราคาน้ำมัน ได้แก่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น และความพยายามในการใช้มาตรการจำกัดราคาขายพลังงานของรัสเซีย (price cap) เป็นต้น

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลอุปทานที่เพิ่มขึ้นหากจีนเพิ่มโควต้าการส่งออก อย่างไรก็ตาม สต๊อกน้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ และสิงคโปร์ในสัปดาห์ล่าสุดที่ยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวลดลงสวนทางราคาน้ำมันดูไบ จากข่าวลือเรื่องการประกาศโควต้าการส่งออหน้ำมันสำเร็จรูแของจีนเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม อุปทานในภูมิภาคเอเชียยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp