มิติหุ้น – บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (“บริษัทฯ”) หรือ TEGH ปลื้ม! กระแสตอบรับโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์คึกคัก นักลงทุนเข้าฟังข้อมูลเพียบ สะท้อนความเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตยั่งยืน ชูจุดแข็ง 3 ธุรกิจหลักแกร่ง เตรียมขายไอพีโอ 270 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรด SET 30 กันยายนนี้ ฟากเอ็มดี “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุหลังระดมทุน พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งจาก 285,649 ตันต่อปี เป็น 416,494 ตันต่อปี ภายในปี 2567 ต่อยอดอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ทีมผู้บริหาร TEGH และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (Investor Roadshow) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้กับนักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ และแผนการดำเนินงานในอนาคต รวมทั้งให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโต ภายหลังจากการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนได้ภายในเดือนกันยายน 2565 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร
“การโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก TEGH ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ3.ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งแต่ละธุรกิจมีศักยภาพเติบโตได้มั่นคง ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง รวมถึงบริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำระดับโลก อาทิ Michelin, Bridgestone, Goodyear, Sumitomo, Pirelli, Apollo และ Yokohama เป็นต้น ซึ่งมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว” นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว
นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ กล่าวเสริมว่า TEGH มีแผนจะระดมทุน เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
นอกจากนี้ TEGH เป็นบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการผลิตยางแท่ง Premium Quality ของประเทศ เพื่อสร้างการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) และความได้เปรียบด้านต้นทุน โดย TEGH ตั้่งเป้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตสูงสุดที่ประมาณ 285,649 ตันต่อปี ในปี 2564 เป็น 416,494 ตันต่อปี ภายในปี 2567 เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการยางแท่งที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต
นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯ และรองรับการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะนำระดมทุนไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท กล่าวว่า การขยายกำลังการผลิต เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการผลักดันรายได้ของ TEGH เพื่อรองรับแนวโน้มความต้องการยางแท่งที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคตจากปัจจัยสำคัญ ปัจจุบันรัฐบาลในหลายประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหภาพยุโรป เป็นต้น สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีนโยบายให้สิทธิพิเศษสำหรับการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าด้วยนโยบายสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาลต่างๆ จะส่งผลให้จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีการเติบโตจาก 11 ล้านคันในปี 2563 เป็น 145 ล้านคัน ในปี 2573 หรือคิดเป็นอัตราเติบโตร้อยละ 30 ต่อปี ซึ่งจะทำให้ความต้องการยางล้อรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น
@mitihoonwealth