มิติหุ้น – นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ขอขอบคุณผู้ลงทุนที่มอบความไว้วางใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ทำให้สามารถปิดการขายได้เกินกว่าความต้องการที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งขอขอบคุณสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายที่ทำให้การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี บริษัทฯ มีการวางแผนเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด รวม 6,000 ล้านบาท และได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนทุกกลุ่ม บริษัทฯ จึงนำหุ้นกู้ที่สำรองไว้มาเสนอขายเพิ่มเติมอีกจำนวน 3,100 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 9,100 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการในการลงทุนของ ผู้ลงทุนที่สนใจ จากนี้ บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน สร้างการเติบโตให้ทุกกลุ่มธุรกิจ และเสริมโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่ง ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนและ ผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนต่อไปในระยะยาว”
สำหรับหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) ในครั้งนี้ มีจำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.26% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.20% ต่อปี เสนอขายเมื่อวันที่ 14-16 และ 19 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร โดยบริษัทฯ และหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ระดับ A+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable”
ทั้งนี้ การสนับสนุนจากผู้ลงทุนที่ให้การตอบรับลงทุนในหุ้นกู้ สะท้อนความเชื่อมั่นที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัทฯ ในฐานะผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ (International Versatile Energy Provider) ที่มุ่งสร้างการเติบโตด้วย 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ใน 10 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ด้วยการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักความยั่งยืนหรือ ESG ทำให้ในปี 2565 นี้ บ้านปูได้รับผลการประเมินความยั่งยืนในระดับ A (ตามเกณฑ์วัด AAA ถึง CCC) จาก ESG Ratings โดย MSCI ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือในด้านดัชนี ESG ในระดับนานาชาติ รวมถึงยังคงรักษาตำแหน่ง “Gold Class” ในกลุ่มอุตสาหกรรม Coal & Consumable Fuels ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จากการประกาศผลรางวัล S&P Global Sustainability Yearbook 2022 ที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันในระดับสากล
“ความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้บริษัทฯ มีโครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถรักษาวินัยทางการเงินและมีความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย” นางสมฤดีกล่าวเสริม
@mitihoonwealth