วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

88

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับลด หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออีกร้อยละ 0.75 เป็นครั้งที่ 3 สู่ระดับร้อยละ 3.00 – 3.25 เป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์นอกจากนี้ มีการประมาณการรอบใหม่ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจขยับขึ้นไปแตะระดับร้อยละ 4.40 ในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนขึ้นสู่ ร้อยละ 4.60 ในปี 2023 สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจและการใช้น้ำมันโลก

– สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสิ้นสุด ณ วันที่ 16 ก.ย. 2565ปรับเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 430.8 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เล็กน้อยว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 2.2 ล้านบาร์เรล

+ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น หลังรัสเซียประกาศยกระดับการทำสงครามในยูเครน ด้วยการระดมกำลังสำรองโดยคัดผู้ที่เคยมีประสบการณ์ทางทหารแล้ว 3 แสนนาย ไปร่วมการต่อสู้ในยูเครน พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้ทุกวิถีทางในการปกป้องรัสเซียจากพันธมิตรชาติตะวันตก

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอินเดียเริ่มกักตุนน้ำมันเบนซินไว้ใช้ในประเทศก่อนจะเริ่มทำการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ส่งผลให้อุปทานในภูมิภาคตึงตัวขึ้น อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในญี่ปุ่นปรับลดจากผลกระทบของพายุไต้ฝุ่นนันมาดอล

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังรัสเซียระดมพลทหารบางส่วนในประเทศเพื่อเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ส่งผลให้ความตึงเครียดสูงขึ้นและเกิดความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดีเซลโลก

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ. ไทยออยล์

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp