มิติหุ้น – “บมจ. เทเวนตี้ โฟ คอน แอนด์ ซัพพลาย หรือ 24CS” ประกาศเคาะราคาไอพีโอ 3.40 บาท/หุ้น นำเงินที่ได้จากการระดมทุนราว 422 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ กำหนดเปิดจองซื้อ 23,26-27 ก.ย.นี้ ปักธงเทรด mai 3 ต.ค. 65 มั่นใจศักยภาพการเติบโต หลังปัจจุบันตุน Backlog ในมือแน่นปึ้ก คาดส่วนที่ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้จะสามารถเติบโตอย่างมีนัยสำคัญกว่าปี 64 ซึ่งยังไม่นับรวมไฮไลท์การประมูลงานใหม่ในครึ่งปีหลัง ขณะที่ภาพรวมโครงการรัฐ-เอกชนเร่งลงทุน หนุนโอกาส 24CS ในอนาคต
นายยศวีย์ วัฒนธีระกิจจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ 24CS ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศและรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า 24CS ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจัดจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่ายอีก 3 หลักทรัพย์ คือ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส จำกัด (มหาชน)
เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 422 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท โดยมีระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 2565-2566 เพื่อรองรับงานที่สเกลใหญ่ขึ้นทั้งในด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ เพื่อสร้างโอกาสการเข้าประมูลงานโครงการที่ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
และมั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมจะยังขยายตัวได้อีกมาก โดยจะนำจุดเด่นของ 24CS ที่โดดเด่นในงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ซึ่งเป็นระบบงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยทีมวิศวกรที่มีศักยภาพ มาต่อยอดการเติบโตโดยมุ่งเน้นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และให้บริการรับเหมางานก่อสร้างรวมถึงการติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบการอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร เพื่อสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งมอบงานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงร่วมกัน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการดำเนินงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารมาอย่างต่อเนื่อง โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก (Main contractor) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิเช่น งานระบบรถไฟฟ้า สิ่งปลูกสร้างบริเวณท่าอากาศยาน โรงไฟฟ้า รวมถึง สถานีไฟฟ้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัท ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ 24CS กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.40 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อในวันที่ 23,26-27 กันยายนนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 3 ตุลาคม 65 ในหมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ในชื่อหลักทรัพย์ว่า “24CS”
สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.40 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 48.57 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ถือว่ามีส่วนลดพอสมควรจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน โดยสำหรับ P/E ที่เสนอขายยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคตจากงานในมือมูลค่าประมาณ 1,168 ล้านบาท และยังไม่รวมโอกาสในการเข้าประมูลงานเพิ่มเติมระหว่างปีโดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (1) การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ (2) ขีดความสามารถในการรับงานเอกชนทั้งในส่วนของงานอาคารและงานโรงงานจากเงินทุนหมุนเวียนที่สูงขึ้นภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (3) แนวโน้มต้นทุนก่อสร้างที่ลดลงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์อาทิเช่น เหล็กและสังกะสีที่ปรับตัวลดลง และ (4) อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่อาจดีขึ้น จากความประหยัดต่อขนาดรายได้ตามการเพิ่มขึ้นของฐานรายได้จากงานโครงการ พร้อมมองว่า 24CS มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นหุ้นกลุ่มจำหน่ายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศและรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีฐานลูกค้ากระจายในหลายอุตสาหกรรม เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
โดยล่าสุด 24CS ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและไม่รับประกันการจำหน่าย 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ3 บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ความน่าสนใจของ 24CS คือ ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมากกว่า 10 ปี มีฐานลูกค้ากระจายในหลายอุตสาหกรรม ตามแผนธุรกิจมีงานที่บริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลในปี 2565-2566 และมีโอกาสชนะงานในหลากหลายโครงการ สอดรับกับนโยบายภาครัฐที่เร่งเปิดตัวโครงการใหม่ออกมาเป็นจำนวนมาก สนับสนุนภาพรวมอุตสาหกรรมระบบปรับอากาศ และงานก่อสร้างมีความต้องการสูงขึ้น ขณะที่ ลักษณะงานของลูกค้า 24CS เป็นงานระยะสั้น ทำให้การรับรู้รายได้ในงานก่อสร้างทำได้ไว จึงมั่นใจว่า ด้วยศักยภาพในการรับงาน และศักยภาพทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง มีต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ ตลอดจน ประสบการณ์ของทีมวิศวกรและผู้บริหารที่สามารถออกแบบและการวิเคราะห์ต้นทุน สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรระดับสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม
พร้อมทั้งกลยุทธ์ในด้านคุณภาพและการให้บริการอย่างเหนือระดับ และการขยายโอกาสงานก่อสร้างได้หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม สอดรับภาพรวมอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐ และการเร่งลงทุนของภาคเอกชนหลังสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย จึงเป็นโอกาสของ 24CS เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของงานโครงการเหล่านี้ จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) กว่า 1,168 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ สะท้อนการเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบ Growth Stock และ Dividend Stock ด้วยนโยบายการจ่ายปันผลที่ดีในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% และมั่นใจว่า 24CS จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในระยะยาว
ด้านผลการดำเนินงานของ 24CS ที่มีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 406.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.67% มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 433.94% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรขั้นต้น 11.93% อัตรากำไรสุทธิ 2.93% กำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีสาเหตุมาจาก การเติบโตด้านรายได้ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 เป็นผลโดยตรงจากการที่บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 25.00 ล้านบาท เป็น 150.00 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพียงพอต่อการรับงานก่อสร้างในมูลค่าโครงการที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัท โดยอาศัยความได้เปรียบจากจุดแข็งที่บริษัทมีธุรกิจต้นน้ำ คือการเป็นผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ระบบปรับอากาศ ทำให้สามารถจัดหาต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างได้ถูกกว่าคู่แข่งที่เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายอื่น
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp