TEGH สุดฮอต! ไอพีโอ 270 ล้านหุ้นขายหมดเกลี้ยง! ฤกษ์ดีลั่นระฆังเทรด SET วันที่ 30 ก.ย.นี้ ลุยขยายกำลังผลิตยางแท่งแตะ 4.16 แสนตัน ก้าวสู่ TOP 5 ใน 3 ปี

91

มิติหุ้น  –  บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (“บริษัทฯ”) หรือ TEGH   หุ้นไอพีโออนาคตไกล ขายหมดเกลี้ยง 270 ล้านหุ้น สะท้อนเชื่อมั่นศักยภาพ 3 ธุรกิจแกร่ง “ยางธรรมชาติ-น้ำมันปาล์มดิบ-พลังงานทดแทน” พร้อมฐานลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตยางล้อรถชั้นนำของโลก ครอบคลุมมากกว่า 64 แบรนด์ทั่วโลก และความเป็นผู้นำด้านการผลิตวัตถุดิบยั่งยืน  ฟาก บล.กสิกรไทย และบล.ทรีนีตี้ ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ระบุหุ้น ของบริษัทฯ ได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนทั่วไปอย่างคึกคัก เตรียมเข้าเทรด SET วันที่ 30 ก.ย.นี้ จ่อขึ้นแท่นหุ้นไอพีโอน้องใหม่ขวัญใจนักลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร  ด้านเอ็มดี “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” ระบุ พร้อมเดินหน้าขยายกำลังผลิตยางแท่งเป็น 416,494 ตันต่อปีในปี 2567 รองรับความต้องการยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปักธงก้าวสู่ผู้ผลิตยางแท่งติดอันดับ TOP 5 ของไทยในอีก 3 ปี

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า การจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัทฯ จำนวน 270 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) 1.00 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.80 บาท ระหว่างวันที่ 21 – 23 กันยายน 2565 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ทั้งสำหรับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน โดยสามารถขายได้ทั้งหมดตามที่จัดสรร โดยนักลงทุนมั่นใจปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ในฐานะเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้ผลิตพลังงานทดแทน ประเภทพลังงานชีวภาพแบบครบวงจรรายใหญ่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตด้วยแผนการขยายกำลังการผลิตสำหรับทุกธุรกิจ

นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ กล่าวว่า   การที่หุ้น ของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการกำหนดราคาหุ้นอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 7.7 เท่า โดยบริษัทฯ เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)  ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร  ในวันที่ 30 กันยายน 2565

นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ คือ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่การเติบโตแบบยั่งยืนที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยภายหลังจากการระดมทุนครั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการผลิตยางแท่ง Premium Quality ของประเทศ โดยตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยางแท่ง 5 อันดับแรก (Top 5) ของประเทศ ด้วยการขยายกำลังการผลิตยางแท่ง เป็น 416,494 ตันต่อปี ภายในปี 2567 รองรับแนวโน้มความต้องการยางแท่งที่จะเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

“ปัจจุบันมีผู้ผลิตยางล้อจากประเทศจีนหลายรายได้เข้ามาลงทุนขยายฐานการผลิตในพื้นที่EEC มากขึ้น เปิดโอกาสให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าผลิตภัณฑ์ยางแท่งของกลุ่มบริษัทฯ ไปยังกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้เพิ่มเติมจากเดิมซึ่งยังมีมูลค่าไม่มาก บริษัทฯ เชื่อว่าด้วยสินค้าที่มีคุณภาพ มาตรฐานสูงและมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากผู้ผลิตยางล้อชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ จะทำให้สินค้าของกลุ่มบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้ผลิตยางล้อในประเทศจีนซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตยางล้อรายใหญ่ของโลก” นายเฉลิม กล่าว

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์  กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า นอกจากแผนการกำลังการผลิตของธุรกิจยางธรรมชาติแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตของธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ จาก ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีกำลังการผลิตสูงสุดสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบรวม 473,040 ตันทะลายปาล์มต่อปี เป็นมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 735,840 ตันทะลายปาล์มต่อปี เพิ่มขึ้น 262,800 ตันทะลายปาล์มต่อปี หรือเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 55.56 โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 1/2566 และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 4/2566 นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ โซน 3 ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตสูงสุดสำหรับก๊าซชีวภาพเพิ่มขึ้น 43.80 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็น 67.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 190.43 ซึ่งจากแผนการขยายการลงทุนดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนการให้บริษัทฯเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp